xs
xsm
sm
md
lg

"อนุสรณ์" กาง "5 ฉากทัศน์" คำตัดสินศาลสหรัฐฯ คดีภาษีทรัมป์ต่อการค้า-การเงินโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศาลสูงสหรัฐอเมริกา กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า รัฐบาลทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าโดยใช้อำนาจภายใต้กฎหมาย IEEPA (International Emergency Economic Powers Act) นั้น ทำเกินกว่าอำนาจกฎหมายหรือไม่ โดยคาดว่าคำตัดสินของศาล จะออกมาในช่วงก่อนเดือนมิถุนายน ปีหน้า

ขณะนี้จึงยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และผู้ส่งออกประเทศต่าง ๆ รวมทั้งผู้นำเข้าจากสหรัฐฯ ยังคงต้องเสียภาษีตามอัตรารัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บต่อไป จนกว่าศาลสูงจะมีคำตัดสินออกมา

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ถึง 5 ฉากทัศน์ ดังนี้

- ฉากทัศน์แรก ศาลสูงตัดสินว่า ภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมาย สถานการณ์การค้าโลกดีขึ้น สงครามการค้าเบาลง ตลาดการเงินตอบสนองทางบวก สหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณเพิ่ม ขาดดุลการค้าเพิ่ม ดอลลาร์อ่อนค่า

- ฉากทัศน์ที่สอง ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมาย โดยรัฐบาลทรัมป์หาช่องทางอื่น ๆ ทางกฎหมายในเก็บภาษีนำเข้าแทน ผลกระทบต่อการค้าโลกและตลาดการเงินยังไม่ชัดเจน

- ฉากทัศน์ที่สาม ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อระบบการค้าโลกและตลาดการเงินโลกดำรงอยู่ต่อไปอีก 3 ปี ตลาดการเงินและนักลงทุนอาจตื่นตระหนก ตลาดหุ้นอาจปรับฐานลงแรงได้

- ฉากทัศน์ที่สี่ ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างมีเงื่อนไข ความตึงเครียดทางการค้าอาจคลายตัวลงระดับหนึ่ง และต้องประเมินว่า เงื่อนไขต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้า แตกต่างไปจากข้อตกลงภาษีเดิมอย่างไรบ้าง

- ฉากทัศน์ที่ห้า ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์ไม่สามารถดำเนินการได้ และให้คืนภาษีให้กับผู้เสียนำเข้าก่อนหน้านี้ในทันที กระทบต่อค่าเงินดอลลาร์แรง เกิดปัญหาการบริหารงบประมาณของรัฐ

โดยก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 โดยผู้พิพากษาเสียงข้างมาก 7 คนจากองค์คณะ 11 คน มีคำตัดสินว่า การออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายให้ไว้ และไม่ชอบด้วยหลักการแบ่งแยกอำนาจ เท่ากับฝ่ายบริหารไปก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติในการตรากฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร

ทั้งนี้ ถ้าศาลสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ผลที่ตามมา คือ คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราสูงต่อสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ จะถูกยกเลิกหมด

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การอ้างอำนาจจากกฎหมาย International Emergency Economic Power Act of 1977 ทุกมาตรการตามคำสั่งประธานาธิบดีในการขึ้นภาษีจะถูกยกเลิกทั้งหมด ผู้นำเข้าที่เสียภาษีตามมาตรการขึ้นภาษีก่อนหน้านี้ สามารถเรียกคืนภาษีจากรัฐบาลได้ มาตรการกีดกันการค้าผ่านการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ เมื่อถูกยกเลิกไป จะส่งผลดีต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก ส่งผลบวกต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลทรัมป์ยืนยันเดินหน้านโยบายกีดกันการค้า และขึ้นกำแพงภาษีด้วยกลไกกฎหมายอื่น ๆ การดำเนินการก็จะสร้างความไม่แน่นอนต่อการเจรจาต่อรองทางด้านการค้า และภาษีที่สหรัฐฯ กำลังดำเนินการอยู่กับประเทศต่าง ๆ ความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนเหล่านี้ ย่อมส่งผลต่อธุรกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่า มาตรการกีดกันการค้า การขึ้นกำแพงภาษี จะยังไปต่อผ่านกลไกรัฐสภาสหรัฐอเมริกา เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้า และฐานะการคลังของสหรัฐฯ แต่การขึ้นกำแพงภาษีอาจไม่ง่ายเหมือนเดิม เพราะเป็นไปได้มากขึ้นที่พรรครีพับรีกันจะแพ้เลือกตั้งกลางเทอม

โดยประเมินว่า อัตราภาษีในการจัดเก็บอาจจะไม่สูงมาก และกระบวนการในรัฐสภาต้องใช้เวลา ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการเปลี่ยนแปลงระบบการค้าเสรีของโลกจากระบบ Rule-Based เป็น Deal-based อาจมีอุปสรรค ระบบการค้าเสรีแบบพหุภาคีอาจฟื้นตัวขึ้นจากกลไกการถ่วงดุลของศาลต่อฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกา ภาวะดังกล่าว ย่อมส่งผลดีต่อระบบการค้าโลกและการแตกขั้วของโลกาภิวัตน์จะเบาลง

*แนะรัฐบาลโต้กลับกัมพูชาด้วยวิธีอื่น ดีกว่าระงัปฏิญญา
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อถึงปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปะทุขึ้นออกมาอีกรอบหนึ่ง จากการไม่ปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพของกัมพูชา ที่ลับลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ นำมาสู่การระงับข้อตกลงเรื่องสันติภาพของรัฐบาลไทย สหรัฐฯ จึงกดดันโดยใช้การเจรจาทางการค้าไทยสหรัฐฯ เป็นเครื่องมือในการกดดันไทย สร้างความเสี่ยงต่อภาคส่งออกไทย และสร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจไทย

หากเกิดการปะทะกันและสงครามชายแดน จะสร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สิน และเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเสียหายอย่างหนักได้ จึงมีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาโดยใช้แนวทางทางการทูตและการเมืองเป็นหลัก ตอบโต้กัมพูชาด้วยวิธีอื่น ไม่ใช่ระงับปฏิญญาน่าจะเป็นผลดีมากกว่า

นอกจากนี้ ปฏิญญามีเรื่องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมหลอกลวงทางไซเบอร์ หรือสแกมเมอร์ในกัมพูชา ทำให้เสียโอกาสในการแก้ปัญหาที่สร้างความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

*หนุนรัฐบาลอนุทิน ประกาศใช้บำนาญสูตร CARE ก่อนยุบสภา
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรเร่งประกาศใช้บำนาญสูตร Care ก่อนยุบสภาโดยไม่ชักช้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูประบบสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสังคมสูตรใหม่ เมื่อมีการประกาศใช้ จะมีผู้ที่อยู่ในระบบบำนาญของสำนักงานประกันสังคมประมาณ 5.7 แสนคนได้บำนาญเพิ่มทันที ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

สูตรบำนาญ Care ไม่ใช่เป็นการเพิ่มบำนาญ แต่เป็นการคำนวณให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น สูตรคำนวณบำนาญแบบใหม่ Care คือ คำนวณจากค่าเฉลี่ยของเงินสมทบตลาดอายุการทำงาน ทำให้ได้รับเงินบำนาญสอดคล้องกับเงินสมทบ หลังเกษียณแล้วได้รับบำนาญ 5 ปีก็คืนทุน การคำนวณบำนาญชราภาพตามสูตร Care ยังเป็นไปตามมาตรฐานประเทศพัฒนาแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น