วาณิชธนกิจระดับโลกชี้วัฏจักรบิทคอยน์เริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยว พร้อมเตือนความเสี่ยงคริปโตวินเทอร์ หลังสัญญาณเทคนิคเริ่มเปลี่ยนทิศ ขณะที่กองทุนสถาบันยังคงทยอยสะสมภายใต้กรอบการลงทุนระยะยาว
นักกลยุทธ์จากมอร์แกนสแตนลีย์ (Morgan Stanley) ส่งสัญญาณเตือนถึงจังหวะสำคัญในวัฏจักร 4 ปีของบิทคอยน์ โดยระบุว่าตลาดคริปโตได้ก้าวเข้าสู่ "ฤดูใบไม้ร่วง" ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวผลกำไร ก่อนที่ "ฤดูหนาว" อาจเริ่มต้นขึ้น พร้อมชี้ว่าภาพตลาดล่าสุดสะท้อนสัญญาณอ่อนแรงทางเทคนิคและการชะลอตัวของสภาพคล่องในระบบคริปโต
เดนนี กาลินโด (Denny Galindo) นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Morgan Stanley Wealth Management เปิดเผยในพอดแคสต์ Crypto Goes Mainstream ว่า พฤติกรรมราคาของบิทคอยน์ตลอดหลายปีที่ผ่านมามักเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ "ขึ้น 3 ปี ลง 1 ปี" อย่างชัดเจน ซึ่งคล้ายกับฤดูกาลทางเศรษฐกิจและวัฏจักรของสินทรัพย์ประเภทสินค้าโภคภัณฑ์
"ตอนนี้เราอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร" กาลินโดระบุ "คำถามสำคัญคือฤดูใบไม้ร่วงนี้จะกินเวลานานเพียงใด และฤดูหนาวถัดไปจะเริ่มเมื่อไหร่" ความเห็นดังกล่าวสะท้อนว่า วอลล์สตรีทเริ่มยอมรับว่าบิตคอยน์มีรูปแบบวัฏจักรที่สามารถนำมาวิเคราะห์เชิงระบบมากขึ้น
บิทคอยน์หลุดค่าเฉลี่ย 365 วัน นักวิเคราะห์ชี้เป็นสัญญาณหมีเชิงเทคนิค
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ราคาบิตคอยน์ตกต่ำลงต่ำกว่า 99,000 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 365 วัน ตามข้อมูลของ Julio Moreno หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CryptoQuant โดยตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในสัญญาณที่นักวิเคราะห์มองว่ามีความสำคัญต่อทิศทางตลาดในภาพรวม
นักวิเคราะห์จาก Bitrue มองว่าการหลุดระดับดังกล่าวเป็นการเข้าสู่ "ภาวะหมีเชิงเทคนิคอย่างเป็นทางการ" ขณะที่ปัจจัยหนุนสภาพคล่องในตลาดคริปโตตั้งแต่ Stablecoin, ETF จนถึง Digital Asset Treasuries (DATs) ต่างชะลอตัวพร้อมกัน ทำให้แรงซื้อใหม่เข้าสู่ตลาดเริ่มเบาบางลง
ด้านบริษัทมาร์เก็ตเมกเกอร์ Wintermute รายงานว่าแหล่งสภาพคล่องหลักทั้งสามส่วนได้เข้าสู่ภาวะทรงตัว ทำให้โมเมนตัมตลาดไม่สามารถเร่งตัวได้เหมือนช่วงก่อนหน้า
สถาบันยังเดินหน้าเก็บบิทคอยน์ มองเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
แม้ราคาคริปโตผันผวนหนัก แต่นักลงทุนสถาบันยังคงเดินหน้าสะสม โดย Michael Cyprys หัวหน้าฝ่ายโบรกเกอร์และผู้จัดการสินทรัพย์สหรัฐของ Morgan Stanley Research ระบุว่า บิทคอยน์เริ่มถูกมองเป็น "ทองคำดิจิทัล" หรือสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและการด้อยค่าของเงินตรา
Cyprys ชี้ว่า ETF บิทคอยน์และอีเธอร์แบบสปอตได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้การเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของสถาบันทำได้ง่ายและโปร่งใสมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลงทุนของกองทุนขนาดใหญ่ยังเคลื่อนไหวช้าตามโครงสร้างขั้นตอนภายในและข้อจำกัดด้านการบริหารความเสี่ยง
เขาระบุว่าการออกกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของ ETF ที่แข็งแรง ได้เปิดทางให้สินทรัพย์ดิจิทัลไหลเข้าสู่พอร์ตของสถาบันมากขึ้น โดยข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่า กองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 137,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Spot Ether ETF มีมูลค่ากว่า 22,400 ล้านดอลลาร์
ฤดูใบไม้ร่วงอาจยังไม่จบ แต่ความเสี่ยงฤดูหนาวใกล้ขึ้นทุกวัน
การวิเคราะห์ของมอร์แกนสแตนลีย์สะท้อนว่า ตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จุดที่นักลงทุนต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการเก็บเกี่ยวผลกำไรและการเตรียมรับมือความผันผวนรอบใหม่ แม้สถาบันยังคงสะสม แต่แรงหนุนสภาพคล่องที่เริ่มอ่อนแรงอาจทำให้ช่วงเวลาทำกำไรในตลาดแคบลง


