xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.35-เคลื่อนไหว Sideways รอปัจจัยใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(11พ.ย.68)ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แม้จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.30-32.39 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกัน ของเงินดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์มีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ท่ามกลางความหวังว่า ภาวะ US Government Shutdown อาจสิ้นสุดลงได้ภายในเร็ววันนี้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้ บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมจะอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง แต่ราคาทองคำ (XAUUSD) ยังพอได้แรงหนุนจากทั้งจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ หลังรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ จากภาคเอกชนที่ออกมาแย่กว่าคาดในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ ทั้งยอดการจ้างงาน อัตราการว่างงาน และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะประธาน ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอย่างดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีและยูโรโซน (ZEW Economic Sentiment) ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB

ส่วนทางฝั่งสหรัฐฯ แม้ภาวะ US Government Shutdown ที่ยังคงดำเนินอยู่นั้น จะทำให้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญมีการเลื่อนประกาศออกไป ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากทางภาคเอกชน อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB Small Business Optimism) โดยเฉพาะในส่วนของแนวโน้มการจ้างงาน เนื่องจากภาคเอกชนขนาดเล็กของสหรัฐฯ มีการจ้างงานในสัดส่วนที่สูง

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึง พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังภาวะ Government Shutdown ที่ยืดเยื้ออาจยุติลงได้ในเร็ววันนี้ และเริ่มมีการไต่สวนคดีมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (Supreme Court)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ โดยโซนแนวต้านยังคงอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาด อย่างฝั่งผู้ส่งออกและผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์หรือขายทำกำไรสถานะแถวโซนแนวต้าน ขณะที่โซนแนวรับยังอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางความต้องการทยอยซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าที่ยังมีอยู่บ้างในช่วงนี้ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ก็ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน เช่นกัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ หากภาวะ US Government Shutdown สิ้นสุดลงได้ภายในเร็ววันนี้

โดยเรามองว่า หากภาวะ US Government Shutdown สิ้นสุดลงได้ในสัปดาห์นี้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นการทยอยรายงานข้อมูลการจ้างงานในเดือนกันยายน ซึ่งควรจะรายงานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เช่น หากหน่วยงานสหรัฐฯ อย่าง BLS เริ่มกลับมาเปิดทำการเต็มที่อีกครั้ง รายงานข้อมูลการจ้างงานก็อาจจะสามารถประกาศให้ตลาดรับรู้ได้ ในอีก 2 วัน หลังจากนั้น (ส่วนรายงานข้อมูลการจ้างงานเดือนตุลาคม ก็อาจประกาศได้ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนนี้) ซึ่งรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ จากทาง BLS แม้จะเป็นข้อมูลในเดือนกันยายน ก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้พอสมควร

ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ เนื่องจากรายงานข้อมูลดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของ BOE ได้ หลังล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 70% ที่ BOE จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง 25 bps ในการประชุมเดือนธันวาคม นี้ โดยหากข้อมูลการจ้างงานอังกฤษออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจทำให้ตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ BOE กดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เสี่ยงอ่อนค่าลงบ้าง และหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้

เราขอเน้นย้ำว่า เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-way Risk สามารถผันผวนได้ทั้งสองทิศทาง ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด บรรยากาศในตลาดการเงิน รวมถึงการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ที่ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ศาลฯ อาจมีแนวโน้มเพิกถอนมาตรการภาษีนำเข้าจากกฎหมาย IEEPA ซึ่งทำให้ความกังวลเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งและกดดันเงินดอลลาร์
กำลังโหลดความคิดเห็น