โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแจก “เงินปันผลภาษี” 2,000 ดอลลาร์ให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง สร้างแรงดันบวกต่อตลาดคริปโตและสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่เส้นทางยังไม่ราบรื่น เพราะต้องผ่านด่านศาลสูงสุดสหรัฐที่ยังไม่ไฟเขียวอย่างเป็นทางการ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จุดกระแสเศรษฐกิจร้อนแรงอีกครั้ง หลังประกาศบนแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะได้รับ “เงินปันผลภาษี” มูลค่า 2,000 ดอลลาร์ต่อคน จากรายได้ภาษีศุลกากร โดยยกเว้นกลุ่มรายได้สูงออกจากโครงการ พร้อมเปิดศึกวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามที่คัดค้านนโยบายภาษีของตนอย่างรุนแรง
“เงินปันผลอย่างน้อย 2,000 ดอลลาร์ต่อคน จะจ่ายให้กับทุกคน ยกเว้นผู้มีรายได้สูง” ทรัมป์ระบุในโพสต์
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวยังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางกฎหมาย เพราะศาลสูงสหรัฐ (Supreme Court) กำลังพิจารณาว่ามาตรการเก็บภาษีของทรัมป์นั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยตลาดทำนาย (prediction markets) ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าศาลจะอนุมัติ
ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Kalshi ชี้ว่า เทรดเดอร์ให้โอกาสเพียง 23% ที่ศาลจะเห็นชอบนโยบายนี้ ขณะที่ใน Polymarket ตัวเลขความเชื่อมั่นยิ่งต่ำกว่านั้น อยู่ที่เพียง 21%
ทรัมป์ตั้งคำถามเชิงเหน็บแนมว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐสามารถระงับการค้ากับต่างประเทศได้ทั้งประเทศ ซึ่งถือว่ารุนแรงกว่าการเก็บภาษีมาก แต่กลับไม่สามารถเรียกเก็บภาษีจากต่างประเทศเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติได้อย่างนั้นหรือ?”
แรงกระเพื่อมตลาดคริปโตเงินแจก 2,000 ดอลลาร์จุดประกายรอบใหม่
การประกาศดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง โดยมองว่าเป็น “สัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ” ที่จะส่งผลให้สภาพคล่องไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตและตลาดหุ้น แต่ก็มีเสียงเตือนถึงผลลบระยะยาวจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการด้อยค่าของดอลลาร์
ขณะที่นักวิเคราะห์จากสำนัก The Kobeissi Letter ประเมินว่า ราว 85% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจะได้รับเงิน 2,000 ดอลลาร์ ตามรูปแบบการกระจายเงินในช่วงโควิด ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการใช้จ่ายและการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
แต่รายงานฉบับเดียวกันเตือนว่า เงินกระตุ้นเศรษฐกิจทุกรูปแบบย่อมนำไปสู่ “ภาวะเงินเฟียตด้อยค่า” และ “อำนาจซื้อที่ลดลง” ในระยะยาว หากไม่ได้แปลงเป็นสินทรัพย์จริง
ด้านไซมอน ดิกสัน นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง กล่าวเสริมว่า “ถ้าไม่เอาเงิน 2,000 ดอลลาร์ไปลงทุนในสินทรัพย์ มันก็จะถูกเงินเฟ้อกัดกิน หรือไม่ก็ไหลไปชำระหนี้และกลับเข้าสู่ธนาคาร”
ขณะที่ Anthony Pompliano นักลงทุนและนักวิเคราะห์ตลาดชื่อดัง มองว่าตลาดตอบสนองในทิศทางเดียวชัดเจนว่า “หุ้นและบิทคอยน์รู้เพียงอย่างเดียวเมื่อมีเงินกระตุ้น เศรษฐกิจและราคาทรัพย์สินก็พุ่งขึ้นเท่านั้น”
เกมกระตุ้นเศรษฐกิจที่เสี่ยงกลายเป็นกับดักเงินเฟ้อ
แม้มาตรการ “เงินปันผลภาษี” ของทรัมป์จะจุดประกายความหวังในตลาดและสร้างแรงขับเคลื่อนให้สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเตือนว่า หากศาลสูงให้ไฟเขียวจริง ผลลัพธ์อาจเป็น “ดาบสองคม” โดยเขาประเมินว่า
ระยะสั้น เงินจะไหลเข้าสู่ระบบ เพิ่มกำลังซื้อ และหนุนราคาหุ้น คริปโต และทองคำให้พุ่งขึ้น
แต่ระยะยาว จะเป็นภาระต่อเสถียรภาพทางการคลัง ขณะที่เงินเฟ้ออาจกลับมารุนแรงอีกระลอก โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นเต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณามิติการเมืองภายในประเทศ การประกาศนโยบายนี้ของทรัมป์อาจเป็นการ “ชิงจังหวะสร้างคะแนนนิยม” ก่อนศาลสูงมีคำตัดสิน เพื่อส่งสัญญาณว่าเขายังสามารถ “ปลุกเศรษฐกิจได้ด้วยมือเปล่า”
เกมภาษีของทรัมป์จึงไม่ได้มีแค่เดิมพันทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการวัดใจระหว่างอำนาจฝ่ายบริหารกับตุลาการและสะท้อนให้เห็นว่าในยุคการเมืองที่ผันผวน “บิทคอยน์” อาจกลายเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเศรษฐกิจสหรัฐที่เที่ยงตรงที่สุดอีกครั้ง.


