xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai Global Markets เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 32.40-ติดตามถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่เฟด-US Government Shutdown

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.20-32.70 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (10พ.ย.68)ที่ 32.40 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.34 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลงบ้าง หลังจากยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.32-32.45 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำ (XAUUSD) หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว

นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา ยังคงหนุนให้มีโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบ กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงจากโซนแนวรับ ก่อนที่ทั้งราคาทองคำจะทยอยรีบาวด์ขึ้นบ้าง ตามจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.3 จุด แย่กว่าที่ตลาดคาด หนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินดอลลาร์ทยอยรีบาวด์ขึ้นบ้าง ตามความหวังว่า ภาวะ US Government Shutdown อาจสิ้นสุดลงได้ในเร็ววันนี้

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาย่อตัวลง หลังรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ จากภาคเอกชน ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึง จับตาแนวโน้มภาวะ US Government Shutdown อาจจบลงได้ในเร็ววัน เปิดทางให้ตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ โดยเฉพาะหลังโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ทยอยอ่อนกำลังลง ตามการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด จากภาคเอกชน ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้ทำให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ทั้ง เงินดอลลาร์และเงินบาท ยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-way risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยในช่วงนี้อาจต้องรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ควบคู่ไปกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากภาคเอกชน จนกว่าภาวะ US Government Shutdown จะสิ้นสุดลง ซึ่งจะทำให้ เงินดอลลาร์ รวมถึงเงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ชัดเจนได้อีกครั้ง และเนื่องจากเรายังคงมองว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ ตามสัญญาณการชะลอตัวลงการจ้างงานที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงบ้างและช่วยหนุนการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ที่จะได้รับอานิสงส์จากช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวอยู่แล้วในช่วงปลายปี (ปัจจัย Seasonality) ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งยังคงมีผลต่อแนวโน้มเงินบาทด้วยเช่นกัน

และหากอ้างอิงกลยุทธ์ Trend-Following เรามองว่า เงินบาทจะกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่า อีกครั้ง เมื่อเงินบาทอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 32.65-32.75 บาทต่อดอลลาร์ (หรือปรับตัวขึ้นเหนือโซนเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์) ได้อย่างชัดเจน

ในส่วนของเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways จนกว่าภาวะ US Government Shutdown จะสิ้นสุดลงและตลาดกลับมารับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์จะผันผวนไปตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น