xs
xsm
sm
md
lg

บัญชีม้า-ฟอกเงินถล่มชาติ! ก.ล.ต.เพิ่งตื่น - แต่เงินหายเป็นแสนล้าน คนทำก็ยังยิ้ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ก.ล.ต.เพิ่งผนึก 15 หน่วยงานจับมือปราบสแกมเมอร์-บัญชีม้า แต่ตัวเลขอายัดยังเป็นหลักร้อยล้าน ขณะที่ความเสียหายที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าหลายหมื่นจนถึงหลายแสนล้านยังไม่ถูกแก้รากถอนโคน เหยื่อยังร้องไห้ สังคมยังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

รัฐ-หน่วยงานการเงินเพิ่งยกพลลงนาม MOU กับภาคเอกชนเพื่อ “สู้สแกมเมอร์” และปิดช่องทางฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งฟังดูดีในหน้าข่าว แต่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ชวนให้นึกว่าเป็นงานที่มาช้ากว่าจังหวะเพลง "ตีนยังไม่ทันแตะเบรกก็มีคนโดนลากไปไกลแล้ว"

ซึ่งหากมองลึกเข้าไป พบว่า ตัวเลขที่ ก.ล.ต.และหน่วยงานรายงานการอายัดบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องกับบัญชีคริปโตกว่า 30,000 บัญชี มูลค่าที่อายัดได้ราว 229 ล้านบาท ฟังดูเยอะ แต่มันเปรียบเทียบกับการประเมินความเสียหายจากกิจกรรมสแกมและฟอกเงินซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มยกตัวเลขเป็นหลักหลายหมื่นล้าน หรือมากกว่านั้นได้หรือไม่? คำตอบคือ “ได้” และนั่นคือปริศนาที่ทำให้เกิดคำถามว่า "อะไรถูกอายัดไปแล้ว อะไรถูกโยกย้ายออกนอกระบบไปก่อนที่หน่วยงานจะลงมือทำ"

ย้อนไปก่อนหน้านี้หลายปี ผู้บุกเบิกนโยบาย (ธปท.-ก.ล.ต.-ปปง.-ตำรวจไซเบอร์) บอกว่ามาตรการตั้งแต่การปิดกั้นแพลตฟอร์มต่างชาติไปจนถึงการอายัดบัญชีจะช่วยลดความเสียหายและป้องกันได้ แต่การป้องกันแบบ “ตามจับ” หรือ "วัวควายหายก่อน แล้วค่อยล้อมคอกทีหลัง" กว่าจะกรีดกรายลงมือทำได้ ก็รำมวยกันจนลิงหลับ เพราะหลังเกิดเหตุ กับการป้องกันเชิงรุกที่หยุดการไหลของเงินตั้งแต่ต้นทาง กลับกลายเป็นคนละเรื่องกัน และตอนนี้ดูเหมือนงานยังหนัก บางแก๊งใช้บริษัทคริปโตเทียมเป็นฐานฟอกเงิน มีเงินหมุนเวียนรายเดือนเป็นพันล้าน ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นเพียงปัญหาอาชญากรรม แต่เป็นช่องโหว่ทางเศรษฐกิจ

สิ่งที่ตามมาคือประชาชนตั้งคำถามว่า "ความเร็วและความลึกในการแก้ปัญหา" ถ้าจะยุติวงจรธุรกิจมืดนี้ ต้องยกระดับจาก “ปิดทีละบัญชี” เป็นการออกแบบระบบที่ทำให้บัญชีม้า-แพลตฟอร์มฟอกเงินหาได้ยากขึ้นตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช่ปล่อยให้คนร้ายยิ้ม แล้วค่อยตามจับทีหลัง

อย่างไรก็ตามถ้า สหราชอาญาจักร เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ไม่ขยับไล่บี้มาถึงเขมร ประเทศไทยคงยังเข้าเกียร์ว่างต่อไป แต่เมื่อ “บัญชีม้า + ฟอกเงินคริปโต” กลายเป็นช่องทางธุรกิจอาชญากรรมที่มีขนาดมหาศาล หน่วยงานกำกับถึงเวลาที่ต้องไม่เพียง “จับทีละบัญชี” แต่ต้องสร้างระบบที่ “ปิดช่องทางตั้งแต่ต้นทาง” และ “สร้างความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย” อย่างชัดเจน หากไม่เช่นนั้น ประเทศอาจกลายเป็น สวรรค์ของแก๊งค์มิจฉาชีพดิจิทัล และความเสียหายที่ทอดยาวอาจเกินกว่าหลายแสนล้านบาทโดยที่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง