xs
xsm
sm
md
lg

ฮ่องกงคุมเข้มบริษัทจดทะเบียนถือคริปโต เตรียมเดินหน้ารณรงค์ให้ความรู้ผู้ลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ ฮ่องกง (SFC) เตือนบริษัทที่ใช้ “คลังสินทรัพย์ดิจิทัล” บริหารเงินสดอาจมีราคาหุ้นสูงเกินจริง เสี่ยงกระทบผู้ลงทุนรายย่อย เตรียมเปิดแคมเปญให้ความรู้สาธารณะ และเข้มงวดการตรวจสอบบริษัทที่หันไปพึ่งพาคริปโตเป็นแกนหลักทางธุรกิจ

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และฟิวเจอร์สของฮ่องกง (SFC) เดินหน้าคุมเข้มบริษัทจดทะเบียนที่ถือครองหรือใช้ “คลังสินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Asset Treasury: DAT) หลังพบความเสี่ยงต่อเสถียรภาพตลาดทุน โดยเฉพาะบริษัทที่ราคาหุ้นอาจถูกขับเคลื่อนจากมูลค่าคริปโตมากกว่าผลประกอบการจริง

นายเคลวิน หว่อง ทินเยา (Kelvin Wong Tin-yau) ประธาน SFC เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวว่า หน่วยงานกำลังติดตามพฤติกรรมของบริษัทจดทะเบียนที่ใช้คริปโตในการบริหารสภาพคล่อง หรือปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อหันมาเป็นผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง พร้อมระบุว่า “SFC กังวลว่าราคาหุ้นของบริษัทที่มี DAT อาจซื้อขายในระดับพรีเมียมสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครอง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ลงทุน”

กรณีดังกล่าวคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งหลายบริษัทที่ถือบิทคอยน์จำนวนมากมีราคาหุ้นพุ่งสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีจริงหลายเท่า ส่งผลให้ตลาดเผชิญความผันผวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อราคาเหรียญคริปโตพลิกกลับลง

SFC ชี้ว่า นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากในฮ่องกงยังไม่เข้าใจความเสี่ยงของกลยุทธ์ DAT อย่างถ่องแท้ โดยสำนักงานกำลังจัดทำโครงการ “ให้ความรู้ผู้ลงทุน” เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัล และการประเมินมูลค่าหุ้นที่โยงกับเหรียญคริปโต

รายงานระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ได้ปฏิเสธแผนปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทอย่างน้อย 5 แห่งที่ต้องการเปลี่ยนแกนธุรกิจไปเป็น DAT โดยให้เหตุผลว่าอาจขัดต่อกฎระเบียบที่ห้ามบริษัทถือครองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องในสัดส่วนสูงเกินไป

สถานการณ์นี้สอดคล้องกับท่าทีในประเทศอื่น เช่น อินเดียและออสเตรเลีย ที่มีแนวทางระมัดระวังต่อบริษัทที่มีสินทรัพย์คริปโตในงบดุลจำนวนมาก เพราะอาจทำให้การประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ผิดเพี้ยนจากรายได้จริง

ในสหรัฐฯ มีตัวอย่างชัดเจนว่า บริษัทที่ถือบิทคอยน์มหาศาล เช่น MicroStrategy เคยมีราคาหุ้นสูงเกินมูลค่าบิทคอยน์ที่ถืออยู่หลายเท่าตัวในช่วงตลาดกระทิง ก่อนจะร่วงแรงเมื่อราคาคริปโตปรับตัวลง สะท้อนความเชื่อมโยงที่ไม่มั่นคงระหว่างมูลค่าหุ้นกับสินทรัพย์ดิจิทัล

นักวิเคราะห์ชี้ว่า แนวคิด DAT ดึงดูดบริษัทเพราะเป็นทั้งช่องทางบริหารสภาพคล่องและสัญญาณทางการตลาดต่อผู้บริโภคยุคคริปโต ทว่าผู้กำกับดูแลกลับมองว่าการถือครองเหรียญในสัดส่วนสูงเกินไปอาจบิดเบือนการเปิดเผยข้อมูลทางบัญชี ทำให้การตีมูลค่ายุติธรรมซับซ้อนขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเก็งกำไรในตลาดทุน

เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทจดทะเบียนกลายเป็น “กองทุนคริปโตในคราบบริษัทมหาชน” หน่วยงานกำกับทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ อินเดีย และออสเตรเลีย ต่างเริ่มเข้มงวดกฎเกณฑ์ต่อการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ฮ่องกงยังคงมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการออกใบอนุญาตผู้ให้บริการและการเปิดตัวกองทุน ETF แบบ Spot Crypto เพื่อดึงดูดเม็ดเงินภายใต้กรอบกำกับดูแลที่ชัดเจน

แต่ในอีกด้าน เจ้าหน้าที่ต้องการ “เส้นแบ่งที่ชัดเจน” ระหว่างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล กับบริษัทจดทะเบียนที่อาศัยการถือเหรียญเก็งกำไรเพื่อขับเคลื่อนมูลค่าหุ้น ซึ่งหากไม่ควบคุมอย่างรัดกุม อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดทุนฮ่องกงในระยะยาว.