xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชาติโสมขาวเตือนแรง Stablecoin ผูกวอนอาจ “หลุดเพก” กระทบเสถียรภาพการเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายงานล่าสุดของธนาคารกลางเกาหลีใต้สะท้อนความกังวลต่อความเสี่ยงจากเหรียญ Stablecoin ที่ผูกกับเงินวอน ชี้อาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน หากปล่อยให้เอกชนออกเหรียญโดยไร้การควบคุม พร้อมย้ำ “เสถียรภาพของค่าเงิน” ต้องยึดโยงกับระบบธนาคาร ไม่ใช่เพียงรหัสในบล็อกเชน

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Bank of Korea - BOK) ออกคำเตือนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ ความเสี่ยงจาก Stablecoin ที่ผูกกับเงินวอน โดยระบุว่า หากเปิดให้บริษัทเอกชนออกเหรียญดังกล่าวโดยไม่มีการกำกับดูแล อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระบบการเงินและนโยบายการคลังของประเทศในระยะยาว

รายงานฉบับใหม่ของ BOK ที่มีชื่อว่า “Currency in the Digital Age: Harmony of Innovation and Trust” ระบุว่า การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Stablecoin ในภาคเอกชน อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) โดยเฉพาะความผันผวนของสินทรัพย์ค้ำประกัน การไหลออกของเงินทุน และเหตุการณ์ “หลุดเพก” (Depeg) ที่อาจซ้ำรอยความล้มเหลวของเหรียญอย่าง TerraUSD ในปี 2565

แบงก์ชาติย้ำ “เฉพาะธนาคารที่ได้รับอนุญาต” ควรมีสิทธิ์ออกเหรียญ

ผู้ว่าการธนาคารกลาง รี ชางยอง (Rhee Chang-yong) ยืนยันจุดยืนว่า เหรียญที่อิงกับเงินวอนควรถูกออกโดยสถาบันการเงินที่ได้รับการกำกับดูแลเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “สกุลเงินคู่ขนาน” ที่ควบคุมไม่ได้ และรักษาความมั่นคงของนโยบายการเงินภายในประเทศ

BOK เตือนว่า หากสินทรัพย์ค้ำประกันของ Stablecoin มีความผันผวนสูงหรือไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างโปร่งใส อาจทำให้ผู้ถือเหรียญสูญเสียความเชื่อมั่น และเกิดการเทขายแบบตื่นตระหนก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินภายในประเทศ

รายงานยังระบุว่า แม้ Stablecoin จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการชำระเงินและส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงิน แต่ก็อาจ บั่นทอนประสิทธิภาพของนโยบายการเงิน (monetary policy) และ รบกวนกลไกการจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ หากขาดการกำกับดูแลที่เข้มงวด

เสนอใช้มาตรการตรวจสอบทุนสำรอง-จำกัดการออกเหรียญ

BOK เสนอแนวทางเสริมสร้างความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบสินทรัพย์ค้ำประกันอย่างสม่ำเสมอ (reserve audit) การกำหนดเพดานการออกเหรียญ และการจัดตั้งหน่วยงานกลางเพื่อกำกับดูแลโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “ช็อกสภาพคล่อง” (liquidity shock) ในตลาดคริปโตภายในประเทศ

คำเตือนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันทางการเมือง หลังรัฐบาลเกาหลีใต้เสนอร่าง Digital Asset Basic Act ซึ่งเปิดทางให้บริษัทท้องถิ่นสามารถออก Stablecoin ได้ โดยต้องมีเงินทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 500 ล้านวอน (ประมาณ 367,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และรับประกันการแลกคืนเต็มมูลค่า

แม้กฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดี อี แจ-มยอง (Lee Jae-myung) ที่มีท่าทีหนุนคริปโต แต่แบงก์ชาติกลับคัดค้านอย่างหนัก โดยยืนยันว่า การออกเหรียญที่อิงกับเงินวอนควรอยู่ในอำนาจของธนาคารกลางเท่านั้น เพื่อป้องกันการสูญเสียการควบคุมทางการเงิน

ธนาคารพาณิชย์รวมตัวเดินหน้าออกเหรียญวอนดิจิทัล ท้าชนเอกชน

แม้แบงก์ชาติจะคัดค้าน แต่ภาคธนาคารพาณิชย์กลับไม่รอช้า ล่าสุด 8 ธนาคารรายใหญ่ของเกาหลีใต้ รวมถึง KB Kookmin, Shinhan, Woori และ Nonghyup ได้ร่วมกันจัดตั้งคอนซอร์เทียม เพื่อพัฒนา Stablecoin ผูกกับเงินวอน (KRW-pegged Stablecoin) โดยมีแผนทดลองระบบออกเหรียญ 2 รูปแบบ ได้แก่

1.โมเดลแบบทรัสต์ (Trust-based) แยกเงินฝากลูกค้าไว้เป็นทุนสำรองโดยตรง
2.โมเดลแบบฝากอิงมูลค่า (Deposit-linked) ให้เหรียญสะท้อนยอดเงินฝากในอัตรา 1:1

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ “สร้างความเป็นอิสระและเพิ่มขีดแข่งขันของธนาคาร” ท่ามกลางความกังวลว่า Stablecoin ที่อิงดอลลาร์สหรัฐอาจเข้ามาครองตลาดในประเทศ หากภาคธนาคารไม่เร่งพัฒนาทางเลือกของตนเอง

หน่วยงานรัฐเร่งปรับกฎ AML รับมือ “ยุค Stablecoin”

ในอีกด้านหนึ่ง หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะ Financial Intelligence Unit (FIU) กำลังเร่งปรับโครงสร้างระบบต่อต้านการฟอกเงิน (AML) เพื่อรองรับการใช้งาน Stablecoin ที่กำลังจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริง FIU อยู่ระหว่างจัดทำแนวทางใหม่และจะเผยแพร่คู่มือสำหรับผู้ออกเหรียญภายในเดือนธันวาคมปีนี้

การเมืองชะงักร่างกฎหมาย Stablecoin แต่การแข่งขันไม่หยุด

แม้การพิจารณากฎหมาย Stablecoin จะชะงักในสภา แต่การแข่งขันระหว่างหน่วยงานและภาคเอกชนยังดำเนินต่อไป ขณะนี้ร่างกฎหมาย 4 ฉบับยังค้างอยู่ในสภา เนื่องจากฝ่ายการเมืองถกเถียงกันว่า ควรเปิดทางให้บริษัทฟินเทคและ IT รายใหญ่ เช่น Naver และ Kakao เข้ามาออกเหรียญได้หรือไม่

แบงก์ชาติเกาหลีใต้เตือนว่า หากปล่อยให้เอกชนรายใหญ่ควบคุมเหรียญผูกวอน อาจเกิด “สกุลเงินเอกชน (private currency)” ที่แข่งขันกับเงินวอนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสูญเสียอำนาจทางการเงิน

ต่างชาติสนใจร่วมวง “Stablecoin วอนเกาหลี”

ท่ามกลางความขัดแย้ง Circle บริษัทผู้ออกเหรียญ USDC จากสหรัฐฯ เข้าพบผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้เพื่อหารือความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน Stablecoin และกรอบกำกับดูแล ขณะเดียวกัน Solana Foundation ก็ประกาศจับมือกับบริษัท Wavebridge ของเกาหลีใต้ เพื่อพัฒนา Stablecoin ผูกเงินวอนที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานกฎหมาย

ตลาดคริปโตเกาหลีหดตัวแต่ยังทรงอิทธิพล

รายงานเสถียรภาพทางการเงินของ BOK ระบุว่า มูลค่าตลาดคริปโตในประเทศลดลงกว่า 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในครึ่งแรกของปี 2568 โดยปริมาณการซื้อขายรายวันหดตัวถึง 80% เหลือเพียง 3.2 ล้านล้านวอน นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากหันกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นท้องถิ่น ท่ามกลางความผันผวนของค่าเงินและความไม่แน่นอนทางกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ยังคงเป็นหนึ่งในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเคลื่อนไหวสูงที่สุดในเอเชีย โดยมีบัญชีผู้ใช้งานคริปโตมากกว่า 10.8 ล้านบัญชี หรือประมาณ 20% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งตัวเลขที่สะท้อนว่า “สงคราม Stablecoin” ของเกาหลีใต้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น