"แมสเทค ลิ้งค์" ปิดเทรดวันแรกที่ 1.35 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 6.90 % จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 1.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 570.11 ล้านบาท เตรียมนำเงินไปใช้ในการขยายงาน
บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็๋นวันแรกเมื่อ 27 ต.ค.2568 โดยเปิดที่ราคา 1.78 บาท เพิ่มขึ้น 0.33 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 22.76% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 1.45 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 1.83 บาท ต่ำสุดที่ 1.35 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 1.35 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 6.90 % มูลค่าซื้อขาย 570.11 ล้านบาท
ทั้งนี้ MASTEC ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อจำหน่าย ประกอบด้วย 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล, ผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย และผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมด้วยการให้คำปรึกษา นำเสนอโซลูชั่นและให้บริการด้านวิศวกรรม
โดย MASTEC เสนอราคาขาย IPO ที่ 1.45 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 79 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 26.33% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับบริษัทกำหนดไว้แต่ละปี
สำหรับ MASTEC มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 79 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณของบริษัท กรรมการผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท รวมถึงบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท ในราคาหุ้นละ 1.45 บาท รวมมูลค่า 114.55 ล้านบาทและมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 435 ล้านบาท
และเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ MASTEC จะนำไปใช้รองรับธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมสำหรับตลาดอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดซื้อผลิตภัณฑ์ ว่าจ้างบุคลากรทางวิศวกรรม ลงทุนอุปกรณ์วิเคราะห์ผล การวิจัยเพื่อทำผลการทดลอง การจัดกิจกรรมทางการตลาด เป็นต้น รวมถึงดำเนินการอื่นใดเพื่อสนับสนุนการจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ 40 ล้านบาท ในปี 2568-2569 , เป็๋นเงินทุนเพื่อรองรับธุรกิจใน Synergy products ของกลุ่มผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัย เช่น การจัดซื้อผลิตภัณฑ์ ว่าจ้างบุคลากรทางวิศวกรรม ลงทุนอุปกรณ์วิเคราะห์ผล การลงทุนซอฟต์แวร์ การจัดกิจกรรมทางการตลาด เป็นต้น รวมถึงดำเนินการอื่นใดเพื่อสนับสนุนการจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ และใช้เพื่อขยายช่องทางการตลาดเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ


