นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (24ต.ค.68)ที่ระดับ 32.79 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิดวันที่ 22 ตุลาคม) และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-32.95 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา (ซึ่งรวมช่วงวันหยุดทำการของตลาดการเงินไทยในวันที่ 23 ตุลาคม) เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.72-32.91 บาทต่อดอลลาร์) แม้เงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจนในกรอบ Sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม นี้
ทว่า เงินบาทก็พอได้แรงหนุนบ้าง จากการรีบาวด์สูงขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังจากที่ปรับตัวลงหนักจนทดสอบโซนแนวรับ 4,000-4,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงคืนวันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาทองคำดังกล่าว ยังคงสะท้อนถึงภาวะความผันผวนสูงของราคาทองคำ ตามการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด
ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตาปัจจัยสำคัญทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำรวมถึงเงินดอลลาร์ได้อย่างมีนัยสำคัญต่อไป นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดและการปรับสถานะถือครอง โดยเฉพาะสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า)
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญ จะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน รวมถึง อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ระยะสั้นและระยะยาว จากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนตุลาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดใช้ประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ของฝั่งยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลักดังกล่าว
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึง พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown และประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงได้ และเงินบาท (USDTHB) จะยังคงอยู่ในแนวโน้มการอ่อนค่า จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน แต่เราขอเน้นย้ำว่า เงินบาทได้เคลื่อนไหวผันผวนสูงขึ้น จากอิทธิพลของโฟลว์ธุรกรรมทองคำ เนื่องจากในช่วงนี้ ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ ทั้งจังหวะการปรับตัวลงแรงของราคาทองคำ และการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ (ซึ่งในช่วงนี้ก็มักจะเห็นการปรับตัว ขึ้น-ลง ในระดับ เกิน 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเวลาสั้นๆ) ก็ส่งผลให้ เงินบาทอ่อนค่าลง หรือ แข็งค่าขึ้นมาบ้างได้ โดยจากการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของทั้งราคาทองคำและเงินบาท เราพบว่า เงินบาทมีความอ่อนไหวต่อทิศทางราคาทองคำ (Beta, Sensitivity) ราว 0.2 ในจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง และราว 0.3 ในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อ CPI ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ ได้ถูกเลื่อนประกาศจากผลกระทบของภาวะ US Government Shutdown โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้ เกือบ Fully Priced-In หรือคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดราว 2 ครั้ง ในปีนี้ และอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า ไปพอควรแล้ว ทำให้ หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาสูงกว่าคาด อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด และหนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลงบ้าง (แต่อาจไม่แรงมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงรอลุ้น การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน) ซึ่งอาจกดดันให้ เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.85 บาทต่อดอลลาร์ โดยหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นการอ่อนค่าลงต่อเข้าใกล้โซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้เช่นกัน
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด หรือ ออกมาต่ำกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจมากขึ้น ต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดที่กำลังคาดหวังอยู่ ก็อาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ให้ย่อตัวบ้าง แต่ไม่มากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดไปพอควร (จะปรับเพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างมีนัยสำคัญได้ อาจต้องเห็นปัจจัยเสี่ยงกดดันภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชัดเจน อย่าง ประเด็นสงครามการค้าและรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ) ซึ่งจะพอช่วยหนุนทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ โดยอาจเห็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์ แต่อาจจะยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ง่ายนัก (แนวรับถัดไปในโซน 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์)


