xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.54-ผันผวนตามราคาทองคำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(21ต.ค.68)ที่ระดับ 32.54 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.73 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.40-32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down ทะลุกรอบล่าง 32.70 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ในวันก่อน และเข้าใกล้โซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.52-32.74 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าโดยรวม เงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน

โดยเงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถปรับตัวขึ้นสู่โซน 4,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง หลังจากปรับตัวลงแรงในช่วงวันก่อนหน้า โดยผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงต้องการถือทองคำ ก่อนที่จะรับรู้ผลการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับผู้นำจีน และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว ยังมาจากการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งที่เริ่มสถานะ Short ทองคำ (มองราคาทองคำปรับตัวลดลง) ในช่วงก่อน ที่อาจต้องทยอยปิดสถานะดังกล่าว หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นสวนทางกับสถานะที่เปิดไว้ นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากการปรับลดสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ของผู้เล่นในตลาด อย่างฝั่งผู้เล่นต่างชาติด้วยเช่นกัน

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักดังกล่าว

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึง พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown และประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ ในช่วงคืนที่ผ่านมา จนทำให้โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นกลับมาอ่อนกำลังลงอีกครั้ง ทว่า เราคงมองว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงอ่อนค่าลงได้บ้าง และมีความผันผวนที่สูงขึ้นจากช่วงปกติ เนื่องจากราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนสูงและเสี่ยงที่จะเห็นการปรับตัวแรงของราคาทองคำได้เป็นระยะๆ ซึ่งภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก หากผู้เล่นในตลาดคลายความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้อย่างชัดเจน ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้ ก็อาจไม่ได้สนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด มากกว่าที่ตลาดกำลังรับรู้และคาดหวังในปัจจุบัน (ผู้เล่นในตลาดเกือบจะ Fully- Priced In ว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในปีนี้ และเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า) โดยหากราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการพักฐานได้จริง หรือ มีจังหวะปรับตัวลดลงแรงบ้าง ก็อาจจะช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท และอาจเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้ อย่างไรก็ตาม เรายอมรับว่า ราคาทองคำอาจพอได้แรงหนุนบ้าง ในกรณีที่ตลาดการเงินผิดหวังกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และเข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เนื่องจากระดับ Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงหรือแพงพอสมควร

อนึ่ง เรามองว่า เงินบาทอาจยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าได้ จนกว่าเงินบาทจะสามารถพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน เมื่อประเมินจากกลยุทธ์ Trend-Following โดยหากเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อได้ ก็อาจเผชิญแนวต้านแถวโซน 32.80-32.85 บาทต่อดอลลาร์ และจะมีโซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านสำคัญถัดไป ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แต่หากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจน ก็จะมีโซนแนวรับในช่วง 32.30 บาทต่อดอลลาร์ และโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญถัดไป
กำลังโหลดความคิดเห็น