ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ดันมูลค่าตลาดรวมแตะ 30 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้าทั้งบิทคอยน์และกลุ่มบริษัทยักษ์เทคโนโลยี “Magnificent 7” ขณะนักวิเคราะห์ชี้ การไหลของเงินทุนอาจหมุนเข้าสู่บิตคอยน์ในรอบถัดไป หากทองคำเริ่มชะลอแรงซื้อ
ราคาทองคำโลกพุ่งทะยานแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ 4,357 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของทองคำ (Market Cap) พุ่งแตะระดับ 30 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สะท้อนแรงซื้อของนักลงทุนทั่วโลกที่หันหาความมั่นคงท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
มูลค่าดังกล่าวทำให้ทองคำมีขนาดตลาดใหญ่กว่าบิทคอยน์ถึง 14.5 เท่า โดยมูลค่ารวมของบิทคอยน์ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ และยังใหญ่กว่ามูลค่ารวมของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ระดับโลกอย่าง “Magnificent 7” ได้แก่ Nvidia, Microsoft, Apple, Alphabet, Amazon, Meta และ Tesla ที่มีมูลค่าตลาดรวมเพียง 20 ล้านล้านดอลลาร์ เท่านั้น
ต่างจากมูลค่าตลาดหุ้นของบริษัทซึ่งคำนวณจากจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่าย มูลค่าตลาดของทองคำเป็นการประเมินมูลค่ารวมของทองคำทั้งหมดที่ถูกขุดขึ้นมาบนโลก ซึ่งแม้จะไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่นอนได้ทั้งหมด แต่ก็สะท้อนภาพรวมของความมั่งคั่งในสินทรัพย์ปลอดภัยได้ชัดเจน
ทองคำทะยานแรงตลอดปี บิทคอยน์จ่อรอจังหวะทะยานตาม
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 64% ตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างประเทศ นักลงทุนจำนวนมากจึงเลือกโยกเงินเข้าสู่ทองคำในฐานะ “สินทรัพย์เก็บมูลค่า” ที่มั่นคงกว่าตลาดเสี่ยง
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า เมื่อแรงซื้อทองคำเริ่มชะลอตัว ทุนบางส่วนอาจไหลเข้าสู่บิทคอยน์ ซึ่งได้รับฉายาว่า “ทองคำดิจิทัล” โดยเฉพาะเมื่อราคาทองคำเริ่มนิ่งหลังพุ่งทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์คริปโตผู้ใช้นามแฝง “Sykodelic” ระบุว่า “วันนี้เพียงวันเดียว ทองคำเพิ่มมูลค่าตลาดกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ามูลค่าตลาดของบิทคอยน์ทั้งตลาดในหนึ่งสัปดาห์” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “หลายคนยังมองไม่เห็นว่า ทันทีที่ทองคำเริ่มหยุดนิ่ง บิทคอยน์จะเป็นฝ่ายพุ่งทะยานต่อทันที”
ขณะที่ Joe Consorti นักลงทุนร่วมทุน (Venture Investor) เสริมว่า “หากบิทคอยน์สามารถลดการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียด โดยเฉพาะในกรณีที่กระแสเงินจากทองคำเริ่มชะลอ นี่อาจเป็นจังหวะการเทรดที่แท้จริงหลังจากทองคำจบรอบ”
ด้านนักวิเคราะห์ซึ่งใช้นามแฝงว่า “Merlijn the Trader” สังเกตว่า สภาพคล่องในระบบการเงินโลก (M2) กำลังเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาทองคำพุ่งแรง แต่บิทคอยน์ยัง “หลับใหล” อยู่ “ความแตกต่างนี้ไม่เคยยาวนาน สภาพคล่องมักจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงในที่สุด และเมื่อถึงตอนนั้น การรีบาวด์ของบิทคอยน์จะรุนแรงอย่างแน่นอน” เขากล่าว
ปัจจุบัน บิทคอยน์ปรับขึ้นแล้วกว่า 16% จากต้นปี แม้ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลราว 14% แต่แนวโน้มทางเทคนิคยังคงอยู่ในโซนขาขึ้น โดยนักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า “ทองคำรอบนี้จะไม่เหงาไปนาน” เพราะบิทคอยน์อาจเป็นสินทรัพย์ถัดไปที่รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนทั่วโลกที่มองหาที่หลบภัยใหม่ของมูลค่าในศตวรรษดิจิทัล