วงการคริปโตเดือด! การล้างพอร์ตครั้งประวัติศาสตร์มูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งตลาด ขณะนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นการ “ลดเลเวอเรจอย่างมีวินัย” ไม่ใช่ความโกลาหลแบบโดมิโน่ แต่บางฝ่ายกลับตั้งข้อสงสัยถึงการเคลื่อนไหวของ Market Maker รายใหญ่ที่อาจซ้ำเติมสถานการณ์
ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกเผชิญแรงเทขายรุนแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา จนเกิดเหตุการณ์ “ล้างพอร์ต” (liquidation) มูลค่ากว่า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เหตุการณ์นี้ได้แบ่งเสียงในหมู่นักลงทุนออกเป็นสองขั้ว โดยฝ่ายหนึ่งมองว่าเป็นกระบวนการลดเลเวอเรจตามกลไกตลาด ส่วนอีกฝ่ายชี้ว่าเกิดจากการร่วมมือเทขายของผู้เล่นรายใหญ่
ดัชนีสัญญาอนุพันธ์ร่วงหนัก แต่สัญญาณตลาดบ่งชี้ ‘การปรับฐานตามธรรมชาติ’
ข้อมูลจาก DefiLlama ระบุว่า มูลค่า “open interest” ของสัญญาฟิวเจอร์สถาวร (perpetual futures) บนตลาดกระจายศูนย์ (DEXs) ดิ่งจาก 26,000 ล้านดอลลาร์ เหลือต่ำกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์ ภายในไม่กี่ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์มให้กู้คริปโตทะยานขึ้นเกิน 20 ล้านดอลลาร์ต่อวัน สูงสุดในประวัติการณ์ และมูลค่าการซื้อขายรายสัปดาห์บน DEX พุ่งทะลุ 177,000 ล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์จาก CryptoQuant อธิบายว่า การร่วงลงดังกล่าว “เป็นการลดเลเวอเรจอย่างมีการควบคุม (controlled deleveraging) ถึงกว่า 93% ของปริมาณที่หายไป ไม่ใช่การเทขายแบบล่มทั้งระบบ” โดยในจำนวนการลดลงทั้งหมด มีเพียง 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นการล้างพอร์ตฝั่ง Long ของ Bitcoin ซึ่งเขามองว่าเป็น “สัญญาณของความเป็นผู้มีวุฒิภาวะตัดความเสี่ยงของนักลงทุนในตลาดคริปโตรอบนี้”
นักเทรดมองต่าง Market Maker ถูกกล่าวหาว่าสร้าง “สุญญากาศสภาพคล่อง”
อย่างไรก็ดี นักเทรดบางส่วนกลับไม่เชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พวกเขากล่าวหาว่า Market Maker รายใหญ่จงใจ “ดึงสภาพคล่องออกจากตลาด” ในจังหวะสำคัญ จนเกิดภาวะสุญญากาศที่ซ้ำเติมการปรับฐาน
ผู้ใช้ชื่อ YQ ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนเผยว่า Market Maker เริ่มถอนสภาพคล่องออกจากตลาดตั้งแต่เวลา 21.00 น. (UTC) ของวันศุกร์ เพียงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน และเพียง 20 นาทีต่อมาราคาของโทเคนส่วนใหญ่ร่วงลงถึงจุดต่ำสุด ขณะที่ “market depth” หรือความลึกของคำสั่งซื้อขาย ลดลงเหลือเพียง 27,000 ดอลลาร์หรือลดลงถึง 98%
ขณะที่ แพลตฟอร์ม Coinwatch ยืนยันข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าภาพรวมการเทรดบน Binance ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็เผชิญ “การหดตัวของสภาพคล่อง 98%” ในช่วงเวลาเดียวกัน
“เมื่อราคาของโทเคนทรุด Market Maker ทั้งสองรายก็ถอนคำสั่งออกทั้งหมด ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่งจึงกลับมาเปิดบอทอีกครั้งและเริ่มเติมสภาพคล่องในระดับใกล้เคียงเดิม ส่วนอีกรายหนึ่งกลับมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” Coinwatch รายงานผ่าน X (Twitter)
Coinwatch ยังเผยเพิ่มเติมว่า Market Maker สองในสามรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโทเคนมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ บน Binance “หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลสภาพคล่อง” นานถึง 5 ชั่วโมง และอยู่ระหว่างการหารือเพื่อเร่งให้กลับเข้าตลาดโดยเร็ว
ตลาดคริปโตอยู่ในจุด “รีเซ็ต” สถาบันคาใจความโปร่งใส
ทั้งนี้เหตุการณ์ล้างพอร์ตครั้งนี้สะท้อนความเปราะบางของโครงสร้างตลาดคริปโต แม้หลายฝ่ายมองว่าเป็นการปรับฐานเชิงกลไกและสะท้อนการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น แต่เสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบบทบาทของ Market Maker และแพลตฟอร์มซื้อขายขนาดใหญ่ยังคงดังต่อเนื่อง
นอกจากนี้นักลงทุนสถาบันเริ่มจับตาความโปร่งใสของตลาดคริปโตมากขึ้น ขณะที่หน่วยงานกำกับทั่วโลกอาจใช้เหตุการณ์นี้เป็นแรงผลักดันในการเร่งออกกรอบกำกับดูแลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ “การลดเลเวอเรจที่ควบคุมได้” กลายเป็น “การล่มสลายที่ไม่มีใครควบคุมได้” อีกครั้ง
ขณะที่ แพลตฟอร์ม Coinwatch ยืนยันข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าภาพรวมการเทรดบน Binance ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็เผชิญ “การหดตัวของสภาพคล่อง 98%” ในช่วงเวลาเดียวกัน
“เมื่อราคาของโทเคนทรุด Market Maker ทั้งสองรายก็ถอนคำสั่งออกทั้งหมด ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่งจึงกลับมาเปิดบอทอีกครั้งและเริ่มเติมสภาพคล่องในระดับใกล้เคียงเดิม ส่วนอีกรายหนึ่งกลับมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” Coinwatch รายงานผ่าน X (Twitter)
Coinwatch ยังเผยเพิ่มเติมว่า Market Maker สองในสามรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโทเคนมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ บน Binance “หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลสภาพคล่อง” นานถึง 5 ชั่วโมง และอยู่ระหว่างการหารือเพื่อเร่งให้กลับเข้าตลาดโดยเร็ว
ตลาดคริปโตอยู่ในจุด “รีเซ็ต” สถาบันคาใจความโปร่งใส
ทั้งนี้เหตุการณ์ล้างพอร์ตครั้งนี้สะท้อนความเปราะบางของโครงสร้างตลาดคริปโต แม้หลายฝ่ายมองว่าเป็นการปรับฐานเชิงกลไกและสะท้อนการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น แต่เสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบบทบาทของ Market Maker และแพลตฟอร์มซื้อขายขนาดใหญ่ยังคงดังต่อเนื่อง
นอกจากนี้นักลงทุนสถาบันเริ่มจับตาความโปร่งใสของตลาดคริปโตมากขึ้น ขณะที่หน่วยงานกำกับทั่วโลกอาจใช้เหตุการณ์นี้เป็นแรงผลักดันในการเร่งออกกรอบกำกับดูแลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ “การลดเลเวอเรจที่ควบคุมได้” กลายเป็น “การล่มสลายที่ไม่มีใครควบคุมได้” อีกครั้ง