ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียคาดบิทคอยน์ฟื้นแตะระดับ $120,000–$130,000 ก่อนสิ้นปี ขณะที่ Altcoins มีแนวโน้มฟื้นส่วนใหญ่ของมูลค่าที่หายไป จับตาเกมการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ไทเซีย เวพรินต์เซวา (Taisiya Veprentseva) นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองจาก Delomant Group ของรัสเซีย ออกมาคาดการณ์ว่าราคาบิทคอยน์ (BTC) จะฟื้นตัวแรงอีกครั้ง สู่ช่วงระดับ $120,000 ถึง $130,000 ภายในสิ้นปี 2569 หลังจากผ่านช่วงผันผวนอย่างหนักในตลาดโลก พร้อมเตือนว่าทุกอย่าง “ขึ้นอยู่กับศึกการเมืองระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง”
ตลาดคริปโตเข้าสู่โหมด ‘ระทึก’ ความสัมพันธ์วอชิงตัน–ปักกิ่งกำหนดทิศทางราคา
เวพรินต์เซวาระบุว่า ความหวาดกลัวต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้กดดันให้นักลงทุนรายใหญ่หลายรายเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโต โดยเฉพาะบิทคอยน์ที่ร่วงลงต่ำกว่า $110,000 ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาบริเวณ $115,000–$120,000 ในเวลาต่อมา
“ตลาดจะยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากการร่วงแรงเช่นนี้ ผู้เล่นบางส่วนจะเริ่มกลับเข้ามาอย่างระมัดระวัง หวังการรีบาวด์ระยะสั้น แต่กองทุนขนาดใหญ่ยังคงรอดูท่าทีของจีนและทิศทางนโยบายภาษีจากสหรัฐฯ ดังนั้น การดีดตัวอาจไม่เกิดขึ้นเร็ว” เธอกล่าว
ข้อมูลจากตลาดโลกชี้ว่า ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ได้ลามไปทั่วตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่ารวมตลาดคริปโตหดตัวกว่า $300,000 ล้านดอลลาร์ ภายใน 48 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 10–11 ตุลาคม สะท้อนแรงเทขายในวงกว้างที่คล้ายภาวะตื่นตระหนกในอดีต
บิทคอยน์ถูกกดให้อยู่ในกรอบ $100,000–$115,000 ระยะสั้น ก่อนโอกาสทะยานรอบใหม่
นักเศรษฐศาสตร์รายนี้วิเคราะห์ว่า ในระยะสั้นบิทคอยน์อาจ “ติดอยู่ในกรอบราคา $100,000–$115,000” พร้อมทดสอบแนวรับและแนวต้านทั้งสองด้านเป็นระยะ จนกว่าจะมีความชัดเจนทางการเมืองจากสหรัฐฯ และจีน
“หากทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นเจรจากัน นักลงทุนจะกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคริปโตเคอร์เรนซี” เธอกล่าว “ในกรณีนั้น ราคาบิทคอยน์มีโอกาสฟื้นกลับสู่ $120,000–$130,000 ภายในสิ้นปี และเหรียญ Altcoin ก็จะสามารถชดเชยมูลค่าที่สูญเสียไปได้ส่วนใหญ่”
อย่างไรก็ดี เธอเตือนว่า หากโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าท่าทีแข็งกร้าวกับจีนต่อเนื่อง เช่น การขู่ใช้มาตรการภาษีและคว่ำบาตรเพิ่มเติมตลาดอาจ “ลอยอยู่บนขอบเหวของความตื่นตระหนก” และเผชิญแรงเทขายอีกรอบ โดยเฉพาะหากดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เริ่มอ่อนตัวลง
ศึกการค้ากับจีนอาจจุดชนวน “วิกฤตประวัติศาสตร์” ทั้งตลาดหุ้นและคริปโต
นักวิเคราะห์หลายรายเตือนตรงกันว่า หากทรัมป์เดินหน้ามาตรการคว่ำบาตรจีนจริง อาจนำไปสู่ “การล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์” ของทั้งตลาดหุ้นและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก
ในอีกด้านหนึ่ง ความผันผวนของบิทคอยน์และสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเอเชียสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยานักลงทุนที่ยังอ่อนไหวต่อความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางตลาดคริปโตที่มีสัดส่วนการเทรดบิทคอยน์ต่อประชากรสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก
เกาหลีใต้พร้อมแบ่งเค้กตลาดคริปโต แม้ภาพรวมผันผวนแต่เปี่ยมศักยภาพ
เกาหลีใต้ยังคงเป็น “จุดร้อนแรง” ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในเอเชีย ด้วยมูลค่าการซื้อขายรายวันสูงสุดติดอันดับโลก การเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายย่อยที่รวดเร็ว และแรงหนุนจากสถาบันการเงินที่เริ่มกลับเข้ามาในตลาดหลังรัฐผ่อนคลายกฎระเบียบ
อย่างไรก็ตาม ความเข้มงวดของหน่วยงานกำกับ เช่น Financial Intelligence Unit (FIU) และการจำกัดบริการสินเชื่อคริปโตยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันสภาพคล่อง ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการกลับมาของไบแนนซ์ผ่านดีล Gopax อาจช่วยเพิ่มการแข่งขันและเสริมความมั่นคงให้กับโครงสร้างตลาดในระยะยาว
Altcoin ยังมีหวัง TON อาจดีดกลับหาก Telegram ไม่มีปัญหาเทคนิค
เวพรินต์เซวายังกล่าวถึงเหรียญ Toncoin (TON) ว่าอาจฟื้นกลับสู่ระดับ $2.50–$3.00 ได้ หาก Telegram ซึ่งเป็นเครือข่ายหลักของเหรียญนี้สามารถรักษาเสถียรภาพและแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่เคยเกิดขึ้นได้
ตลาดคริปโตโลกอยู่ในจุดเปลี่ยน ‘ความกลัวและความหวัง’ คู่ขนานกัน
ทั้งนี้ในสถานการณ์ที่ผสมผสานทั้งความหวังในการฟื้นตัวและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ กำลังผลักดันให้ตลาดคริปโตเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ หากสหรัฐฯ และจีนกลับมาเจรจาอย่างสร้างสรรค์ ราคาบิตคอยน์อาจทะยานสู่ระดับใหม่อีกครั้ง แต่หากการเมืองกลับมาปะทะกันอีกระลอก ตลาดอาจต้องเผชิญพายุรอบใหม่ที่แรงยิ่งกว่าเดิม