การลบชื่อ บริษัท เคอรี่ เอกซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ออกจากตลาดหลักทรัพย์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นหุ้นที่เคยได้รับความนิยมสูง ในช่วงแรกที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้น แต่สุดท้าย กลายเป็นหุ้นที่สร้างความหายนะนักลงทุนจำนวนนับหลายนับแสนราย
KEX ดำเนินธุรกิจจัดส่งพัสดุภัณฑ์ด่วน โดยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 หลังนำหุ้นจำนวน 300 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 28 บาท โกยเงินไป 8,400 ล้านบาท
การซื้อขายวันแรก ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง นักเก็งกำไรแห่กันไล่ซื้อ โดยเปิดการซื้อขาย ราคาพุ่งขึ้นไปที่ 65.25 บาท และขึ้นไปสูงสุดที่ 73 บาท ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น
แต่หลังจากนั้น ราคาหุ้นเริ่มอ่อนตัวลง ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทหลังเข้าจดทะเบียน ชะลอตัวลง จากผลกำไรที่ดูงดงาม กลายเป็นขาดทุนป่นปี้หลายปีติดต่อ
กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศจัดทำคำสนเอซื้อหรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น KEX จากผู้ถือหุ้นในราคาหุ่นละ 1.50 บาท เพื่อเพิกถอนการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์เปิดให้ซื้อขายหุ้น KEX เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนโดยสมัครใจ โดยวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายที่ซื้อขาย ราคาหุ้นปิดลงที่ 52 สตางค์ ลดลง 99% จากราคาที่เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 73 บาท
จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปที่เคยมีจำนวนประมาณ 1.27 แสนล้านบาท ช่วงวาระสุดท้าย ก่อนตายจากตลาดหุ้น มาร์เก็ตแคปเหลือพียงประมาณ 1.7 พันล้านบาท
นักลงทุนรายย่อยที่ติดค้างใน KEX ตัวเลขล่าสุดมีจำนวน 19,5474 ราย และกลายเป็นผู้สูญเสียอย่างหนัก
KEX พ้นจากตลาดหุ้นไปแล้ว แต่ระหว่าง 5 ปีเศษที่หุ้นเข้ามาจดทะเบียน ได้ทิ้งความเสียหายเรี่ยราดมาตลอดทาง มีนักลงทุนที่ต้องได้รับความเสียหายอาจจะเรือนแสนคน
เพราะใครที่จองซื้อหุ้น KEX ในราคา 28 บาทไว้ และยังไม่ยอมขายทำกำไรในช่วงแรก โดยยังถือหุ้นไว้ ต้องได้รับผลขาดทุนหนัก หรือใครที่เข้าไปเก็งกำไรหุ้นตัวนี้ และขายออกไม่ทัน ต้องเจ็บตัวกันถ้วนหน้า
ความเสียหายที่ KEX ทิ้งไว้ในตลาดหุ้น ใครจะแอ่นอกแสดงความรับผิดชอบ จะโทษสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่อนุมัติให้ KEX นำหุ้นเสนอขายประชาชนก็คงไม่ได้
เพราะก.ล.ต.จะอ้างว่า เมื่อ KEX เสนอแบบไฟลิ่ง หรือแบบคำขอเสนอขายหุ้นมาครบถ้วน และมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะนำหุ้นมาเสนอขายระดมเงินจากประชาชนได้
ก.ล.ต.จะต้องอนุมัติคำขอเสนอขายหุ้นไปตามระเบียบ
จะโทษตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่รับหุ้น KEX เข้าจดทะเบียนก็คงไม่ได้อีก เพราะตลาดหลักทรัพย์ ฯ จะอ้างว่า ในเมื่อ ก.ล.ต. อนุมัติเสนอขายหุ้นแล้ว และบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนการเป็นบริษัทจดทะเบียน
ตลาดหลักทรัพย์ ฯ จะไม่รับหุ้น KEX ได้อย่างไร
และทั้งสองหน่วยงานคงมีคำตอบเหมือนกันว่า ใครจะไปตรัสรู้ล่วงหน้าได้ว่า หุ้นใหม่ตัวไหน จะกลายเป็นหุ้นเน่า และเมื่อเข้าตลาดหุ้นแล้ว จะสร้างหายนะใหญ่หลวงให้ประชาชนผู้ลงทุน
ดูเหมือนความผิดจะตกอยู่กับนักลงทุน เพราะไม่ใช่วิจารณญาณในการตัดสินใจ หลงเข้าไปจองซื้อ หรือหลงเข้าไปลงทุนหุ้น KEX เอง
หุ้นน้องใหม่ ซึ่งหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นแล้ว กลายร่างเป็นอสูรร้าย สูบเงินจากนักลงทุนจนหน่ำใจ สุดท้ายกิจการล่มสลาย ผลประกอบการขาดทุนยับเยิน จนถูกลบชื่อออกจากตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้เกิดขึ้นกับหุ้น KEX เพียงตัวเดียว แต่เกิดขึ้นมาแล้วหลายสิบบริษัท
โศกนาฏกรรมจากการปล่อยหุ้นเน่า ๆ เข้ามาสร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้น สาธารณชนคงได้แต่หวังว่า
ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ฯ จะมีความสำนึกถึงความสูญเสีย ตระหนักในผลกระทบที่ประชาชนผู้ลงทุนได้รับ จากการปล่อยให้บริษัทจดทะเบียนใหม่เข้ามาสูบเงินในตลาดหุ้น
คงไม่มีใครบังอาจต่อว่า ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ฯ ว่า “มักง่าย” สักแต่ยึดนโยบายรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ โดยหย่อนยานด้านกลั่นกรองในเชิงคุณภาพ
ประชาชนผู้ลงทุนจึงตกเป็นผู้รับเคราะห์กรรม จากหุ้นเน่า ๆ ที่หลุดเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ และ KEX คงไม่ใช่โศกนาฏกรรมครั้งล่าสุด