xs
xsm
sm
md
lg

อังกฤษ จับมือ สหรัฐฯ บุกทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์เขมร "ตัดท่อน้ำเลี้ยงตระกูลฮุน" ยึดบิทคอยน์ 12,000 ล้านดอลลาร์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สหรัฐฯ สนธิกำลัง สหราชอาณาจักร เปิดยุทธการกวาดล้างครั้งประวัติศาสตร์ ยึดบิทคอยน์กว่า 127,000 เหรียญ มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์ จากเครือข่ายหลอกลงทุนและค้ามนุษย์ข้ามชาติที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชา เบื้องหลังคือ “เฉิน จื้อ” เจ้าพ่อ Prince Holding Group ที่ถูกชี้ว่าเป็นหัวเรือใหญ่เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก

สหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์เปิดปฏิบัติการยึดทรัพย์สินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังพบความเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลงทุน “Pig Butchering” หรือ “หลอกเชือดหมู” และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แพร่ระบาดทั่วโลก โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรม (DOJ) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และทางการสหราชอาณาจักร ได้ร่วมกันทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่มีฐานในกัมพูชา

แผนปฎิบัติการทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์เขมร : ที่มา DOJ
“Prince Holding Group” ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์แห่งเอเชีย

ข้อมูลจากศาลแขวงตะวันออกแห่งนิวยอร์กระบุว่า ทางการสหรัฐฯ กำลังดำเนินการยึดทรัพย์เป็นเหรียญบิทคอยน์กว่า 127,000 เหรียญบิทคอยน์ ที่เก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “เฉิน จื้อ” หรือ “วินเซนต์” ประธาน Prince Holding Group ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้นำเครือข่ายหลอกลวงและฟอกเงินระดับโลก

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า เครือข่ายนี้เป็นหนึ่งในขบวนการหลอกลวงออนไลน์ที่ซับซ้อนที่สุดในเอเชีย มีการฟอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ผ่านบริษัทนอมินี การขุดคริปโต และตลาดซื้อขายทั่วโลก

เฉิน วัย 38 ปี ชาวจีนที่สละสัญชาติตนเอง ก่อตั้ง Prince Holding Group ในปี 2015 โดยอ้างว่าดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และการโรงแรมในกว่า 30 ประเทศ แต่แท้จริงกลับกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใช้เล่ห์กลหลอกลวงและการบังคับขู่เข็ญ

รายงานระบุว่า กลุ่มนี้ล่อลวงแรงงานต่างชาตินับพันจากต่างประเทศเข้าสู่กัมพูชาผ่านข้อเสนองานปลอม ก่อนจะกักขังในค่ายที่มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา เพื่อบังคับให้ทำงานในขบวนการ “Pig Butchering” ซึ่งกลโกงที่หลอกให้เหยื่อเชื่อใจและลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโตปลอม ก่อนเชิดเงินหนี

กระเป๋าเงินดิจิทัลที่เก็บบิทคอยน์ของ Prince Holding Group ซึ่งเชื่อมโยงกับ Huione Group
เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้า ระบบก็จะโอนถ่ายเงินออกไปทันที ซึ่งเงินทั้งหมดถูกฟอกผ่านบริษัทนอมินีมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก ก่อนถูกแปลงเป็นบิทคอยน์และเก็บไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัวของเฉินและพวกพ้อง

ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2021 ถึงสิงหาคม 2022 เจ้าหน้าที่สืบสวนสามารถติดตามเส้นทางเงินกว่า 18 ล้านดอลลาร์จากเหยื่อชาวอเมริกันกว่า 250 ราย ซึ่งผ่านบริษัทในย่านบรู๊กลินและควีนส์ นิวยอร์ก ขณะที่กระทรวงยุติธรรมชี้ว่า นี่เป็นเพียง “ส่วนเล็กน้อย” ของเครือข่ายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่ไหลกลับไปยังกัมพูชา

ฮุนโต หลานชายฮุน เซน ผู้บริหารคนสำคัญของ Huione Group ผู้กุมอำนาจธุรกิจมืดในเขมร
OFAC–FinCEN เดินเครื่องพร้อมเพรียง ปราบขบวนการฟอกเงินระดับโลก

สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ประกาศคว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลกว่า 146 รายที่เกี่ยวข้องกับ Prince Holding Group พร้อมระบุว่าเป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ที่เกี่ยวพันกับการฉ้อโกง การกรรโชกทรัพย์ และการค้ามนุษย์

ขณะเดียวกัน สำนักงานปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ยังชี้เป้าไปที่ “Huione Group” ในกัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจตระกูลฮุน โดยหลักฐานพบว่ากลุ่ม Huione Group มีการฟอกเงินไปแล้วกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินจากการแฮ็กไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ

สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็น “การตอบโต้ระดับโลกต่ออาชญากรรมระดับโลก” พร้อมย้ำว่านี่คือก้าวสำคัญในการสกัดการหลอกลงทุนออนไลน์ ที่สร้างความเสียหายกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ให้กับชาวอเมริกัน

นอกจากนี้ทางฝั่งสหราชอาณาจักร ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเฉินและบริษัทในเครือ Prince Group หลายแห่ง เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการร่วมครั้งนี้

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (ซ้าย) ฮุนเซน (ขวา)
"ธุรกิจมืดเขมร" จากคาสิโนถึงค่ายแรงงานคอลเซ็นเตอร์

ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า Prince Holding Group มีฐานปฏิบัติการหลายแห่งในกัมพูชา ทั้งในชื่อ “Jin Bei Casino” และ “Golden Fortune Resorts” ซึ่งเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน และการสังหารเพื่อนนำอวัยวะไปขายต่อในตลาดมืด โดยเหยื่อจำนวนมากถูกบังคับให้ทำงานภายใต้การเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหลอกนักลงทุนทั่วโลกในปฏิบัติการมูลค่ามหาศาล

สงคราม “Pig Butchering” มูลค่าหลายพันล้านขยายวงทั่วโลก

การปราบปรามครั้งนี้ต่อเนื่องจากปฏิบัติการระดับโลกหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีที่ Tether ผู้ให้บริการเหรียญ USDT รายใหญ่ ร่วมกับ Binance, OKX และ Chainalysis อายัดเหรียญกว่า 50 ล้านดอลลาร์ที่เชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ก่อนหน้านี้ในปี 2023 เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยยึด USDT มูลค่า 225 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน Binance ยังได้เข้าร่วมเครือข่ายต่อต้านอาชญากรรม “T3+” ที่ก่อตั้งโดย TRON, Tether และ TRM Labs ซึ่งสามารถอายัดทรัพย์สินผิดกฎหมายกว่า 250 ล้านดอลลาร์แล้ว

ข้อมูลจากทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2024 มูลค่าความเสียหายจากกลโกง “Pig Butchering” พุ่งขึ้นแตะ 3,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 40% จากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เตือนว่า เครือข่ายเหล่านี้กำลังผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์ การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์อย่างแนบเนียน จนกลายเป็น “ภัยระดับโลก” ที่ต้องอาศัยการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนอย่างเข้มข้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา


กำลังโหลดความคิดเห็น