โบรกเกอร์ เปิดโผความเสี่ยง SET Index เดือน ต.ค. นี้ เตือนเกาะติดงบบจ.โค้ง3 ที่กำลังจะประกาศมีแนวโน้มชะลอ ค่าเงินบาทที่ผันผวน และราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดี ตลาดฯ ยังมีแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะคนละครึ่ง และมีลุ้น กนง. - เฟด อาจลดดบ.
ทรีนีตี้ แนะ นลท. เกาะติดงบQ3 - มองกรอบ SET 1,240-1,230 จุด
นาย ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ประเมิน SET Index เดือน ต.ค.นี้ แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,240 - 1,320 จุด โดยมีปัจจัยที่อาจเป็นตัวกระตุ้นด้าน Sentiment ภายในประเทศ จากความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ เช่น "คนละครึ่ง" ซึ่งหากเกิดขึ้นเร็ว จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและการหมุนเวียนของเงินในประเทศได้บ้าง
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงในเดือนนี้ที่ต้องเฝ้าระวัง คือ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมา ซึ่งอาจยังไม่มีทิศทางที่ดีขึ้นเท่าใดนัก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic play เนื่องจากเป็นช่วงสูญญากาศทางการเมือง และเป็นช่วง Low season ของการบริโภค
ส่วนในฝั่งต่างประเทศได้แก่ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นเครื่องชี้วัดต่างๆ ออกมาในทิศทางแย่กว่าคาดมากขึ้น
แต่ก็ยังมีปัจจัยกระตุ้น จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งหากมีการลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จะถือเป็นตัวแปรสนับสนุนดัชนีหุ้นไทยให้มีการขยับขึ้นได้อีกเล็กน้อย
ลิเบอเรเตอร์ ให้ระวัง ค่าบาทผันผวน-ราคาน้ำมัน
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า ปัจจัยต้องเฝ้าระวังในเดือน ต.ค.นี้ คือ ความผันผวนของค่าเงินบาท และราคาน้ำมัน รวมทั้งการทยอยประกาศงบการเงินไตรมาส 3/68 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่อาจอ่อนตัวลงเนื่องจากเป็นช่วง Low season ของผลการดำเนินงาน
ขณะที่ปัจจัยหนุนในเดือน ต.ค.นี้ คือ การประชุมธนาคารกลางทั้งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED),ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยที่น่าจับตามองอยู่ที่ประชุม FED วันที่ 28 - 29 ต.ค.นี้ คาดหวังจะเห็นการลดดอกเบี้ยนโยบายลงต่อเนื่อง ซึ่งจะหนุนการเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ส่วนบทวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯเข้าสู่ช่วงรายงานงบการเงินบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/68 ทำให้ตลาดจะมีความผันผวนจากการเข้าเก็งกำไรของนักลงทุน ซึ่งอาจมีผลต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ รวมถึงไทยด้วย อีกทั้งสหรัฐฯมีการเพิ่มมาตรการจัดเก็บภาษีรายสินค้าอีกหลายรายการ ซึ่งยังต้องรอคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐฯ วินิจฉัยว่าสามารถทำได้หรือไม่ช่วง 5 พ.ย.นี้