กระทรวงการคลังเวียดนามเผยยังไม่มีบริษัทใดยื่นข้อเสนอเข้าร่วมโครงการนำร่องซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แม้รัฐบาลเร่งเดินหน้าออกใบอนุญาตสูงสุด 5 รายแรก เพื่อปูทางสู่การกำกับดูแลตลาดคริปโตภายในปี 2569
กระทรวงการคลังเวียดนาม (MOF) เปิดเผยว่ายังไม่พบการยื่นขอเข้าร่วมโครงการนำร่องซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากภาคเอกชน แม้รัฐบาลจะเร่งผลักดันให้ตลาดนี้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย หลังจากมีมติเปิดทางให้ทดลองดำเนินการได้สูงสุด 5 บริษัทในช่วงแรก
จากการรายงานของสำนักข่าว The Investor ระบุว่า นายเหงียน ดึก จี (Nguyen Duc Chi) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ ว่าขณะนี้ยังไม่มีการยื่นคำขออย่างเป็นทางการเข้ามา แต่ยอมรับว่ามีหลายบริษัทเริ่มเตรียมความพร้อม เช่น การจดทะเบียนเพิ่มหมวดธุรกิจใหม่เพื่อเข้าร่วมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
“กระทรวงการคลังกำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้บริษัทที่มีความพร้อมสามารถขอใบอนุญาตและเริ่มดำเนินธุรกิจในตลาดเวียดนามได้โดยเร็วที่สุด” เหงียน ดึก จี กล่าว
นอกจากนี้เขายังระบุเพิ่มเติมอีกว่า แม้ความสนใจจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลจะจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมในช่วงนำร่องไว้ไม่เกิน 5 ราย เพื่อควบคุมความเสี่ยงและประเมินประสิทธิผลของโครงการอย่างรอบด้าน
ตั้งเป้าเปิดโครงการนำร่องภายในปี 2569 พร้อมเร่งร่างกฎระเบียบภาษีและบัญชี
รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าเปิดตัวโครงการนำร่องก่อนปี 2569 โดยขึ้นอยู่กับความพร้อมของภาคธุรกิจและการอนุมัติร่วมจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งหากทุกฝ่ายประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ อาจทำให้กำหนดการถูกเร่งให้เร็วขึ้นได้
โครงการนี้ได้รับการอนุมัติภายใต้มติที่ 05 เมื่อเดือนกันยายน เพื่อดำเนินการนำร่องตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยกระทรวงการคลังได้เริ่มจัดทำร่างข้อกำหนดด้านภาษี ค่าธรรมเนียม และมาตรฐานบัญชีสำหรับผู้เข้าร่วมตลาด พร้อมประสานกับธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เพื่อกำหนดขั้นตอนออกใบอนุญาตให้ชัดเจน
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังรัฐสภาเวียดนามผ่าน “กฎหมายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล” ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2569 นับเป็นหมุดหมายสำคัญหลังจากเวียดนามต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบมานาน และต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มเทรดจากต่างประเทศเป็นหลัก
ดันเทรดคริปโต $100,000 ล้าน เข้าระบบในประเทศ
โครงการนำร่องนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อผลักดันให้กิจกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของเวียดนาม ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี เข้าสู่ระบบภายในประเทศและอยู่ในกรอบการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นทางการ โดยมีการคาดการณ์ว่าประชาชนชาวเวียดนามกว่า 17 ล้านคน กำลังซื้อขายคริปโตส่วนใหญ่ผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น Binance และ Bybit
แม้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเงินและหลักทรัพย์หลายแห่งแสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายใดยื่นใบสมัครอย่างเป็นทางการ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาว่าผู้เล่นรายใดจะก้าวเข้าสู่ตลาดภายใต้การกำกับดูแลของรัฐได้เป็นรายแรก
การรับรองทางกฎหมาย สู่จุดเปลี่ยนความเชื่อมั่นนักลงทุน
การที่เวียดนามเริ่มยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในกรอบกฎหมาย ถือเป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันจากนานาชาติ โดยตั้งแต่ปี 2566 เป็นประเทศถูกจัดอยู่ใน “บัญชีเทา” ของคณะทำงานปฏิบัติการทางการเงิน (FATF) เนื่องจากยังมีช่องโหว่ด้านมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล
ต่อมารัฐบาลจึงเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบ จนนำไปสู่การผ่านร่างกฎหมายและแผนนำร่องดังกล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า หากเวียดนามสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น จะทำให้ประเทศก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้การเปิดทางให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบกฎหมายจึงไม่เพียงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน แต่ยังอาจกลายเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการเสริมศักยภาพตลาดทุนของเวียดนามในระยะยาว