คดีปั่นหุ้นยังเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง ผู้กระทำผิด 9 ราย ร่วมกันสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น บริษัท วี.แอล.เอ็นเตอร์เพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เรียกชำระค่าปรับรวม 10.85 ล้านบาท พร้อมกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน
ก.ล.ต.ตรวจสอบพบว่า ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ผู้กระทำความผิด 9 ราย ประกอบด้วย นางสาวณีรนุช เพ็ชรประดับ นายธีรพงษ์ ปรภาว์ นางสาวเสาวนีย์ นิมิศิลป์ นายยุทธิชัย ปราณี นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ นางสาวภรณี เมฆดำรงแสง นายบวร รุ่งเรืองเนาวรัตน์ นายณัฐปภัสร์ เกสร์ชัยมงคล นายพิเชษฐ์ เพิ่มทรัพย์หิรัญ
ทั้งหมดมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งด้านความสัมพันธ์ส่วนบุคคลและความสัมพันธ์ทางเงินได้ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
การปั่นหุ้น VL ไม่ใช่คดีใหญ่ หรือสร้างความเสียหายให้นักลงทุนในวงกว้าง แต่ทำให้นักลงทุนที่หลงเข้าไปเก็งกำไร ช่วงเวลาที่เกิดการปั่นราคาหุ้น ต้องได้รับผลกระทบ
แม้ ก.ล.ต.จะใช้มาตรการลงโทษปรับแก๊งปั่นหุ้นเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท แต่นักลงทุนที่เสียหายจากการปั่นหุ้น VL ไม่ได้รับการเยียวแต่อย่างใด เช่นเดียวกับเหยื่อจากการปั่นหุ้นอีกหลายสิบบริษัท
การใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง หรือการร้องทุกข์กล่าวโทษทางอาญา เอาผิดกับแก๊งปั่นหุ้น เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว และไม่มีหน่วยงานใดเยียวยานักลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเกิดขึ้นมาตลอด 50 ปีนับแต่ก่อตั้งตลาดหุ้น
พฤติกรรมปั่นหุ้นไม่เคยหมด คดีเกิดขึ้นเรื่อยๆ สร้างความเสียหายของนักลงทุนไม่หยุดหย่อน และการใช้มาตรการทางกฎหมาย ไม่อาจปราบปรามการปั่นหุ้นให้สิ้นซากได้
ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ ต้องปฏิรูปการทำงานใหม่ แทนที่จะไปไล่ตาม ไล่ตรวจสอบข้อมูลการกระทำผิดย้อนหลัง และจบท้ายด้วยการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งหรือกล่าวโทษแก๊งปั่นหุ้น ซึ่งสายเกินไปสำหรับระงับยับยั้งความเสียหายของนักลงทุน แต่จะต้องเร่งตรวจสอบทันที เมื่อหุ้นตัวใดมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ
หุ้นที่ราคาพุ่งทะยาน มูลค่าซื้อขายเพิ่มาสูง โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุน ตลาดหลักทรัพย์ต้องตรวจสอบทันที ขอคำชี้แจงจากบริษัทจดทะเบียนถึงราคาหุ่นที่ร้อนแรง ไม่ใช่นั่งดูราคาหุ้นถูกลากขึ้นอย่างหวือหวาหลายวันติดต่อ
เมื่อตรวจสอบพบความผิดปกติ ต้องใช้มาตรการกำกับการซื้อขายในวันถัดไป พร้อมประกาศเตือนให้นักลงทุนรับรู้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติการซื้อขาย เพื่อให้นักลงทุนระมัดระวังตัว และเป็นการตัดตอนความเสียหายไม่ให้กระจายในวงกว้าง
แก๊งปั่นหุ้น ไม่ไดเปั่นหุ้นในวันเดียว แต่ต้องใช้เวลาสร้างราคาหุ้น ปล่อยข่าวกระตุ้นการเก็งกำไร จนนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้ามาเก็งกำไร เมื่อเหยื่อหลงเข้ามา “ติดกับ” แก๊งปั่นหุ้นจึงเทขายหุ้นทำกำไร
ถ้าตลาดหลักทรัพย์ฯตัดตอนการปั่นหุ้นทันที ในวันแรกที่เริ่มกระบวนการปั่น ในวันแรกที่ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติ จะป้องกันไม่ให้นักลงทุนตกเป็นเหยื่อ และยับยั้งความเสียหายจะไม่กระจายในวงกว้าง
แต่ถ้าตลาดหลักทรัพย์ยึดวิธีการปฏิบัติเดิมๆ ทำงานอยู่แต่ในกรอบ มาตรการกับกับ ควบคุม ป้องกันและปราบปรามการปั่นหุ้นเป็นไปอย่างอืดอาดล่าช้า ไม่ปฏิบัติการทันทีที่แก๊งปั่นหุ้นลงมือ การปั่นหุ้นคงดำเนินต่อไป เหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้ว 50 ปี
ประชาชนผู้ลงทุนที่พลัดหลงเข้ามาในตลาดหุ้น จะต้องตกเป็นเหยื่อแก๊งปั่นหุ้น โดยไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ทำไม ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ฯ จึงติดยึดในกรอบทำงานเก่า ๆ ทำไมไม่คิดปฏิรูประบบการทำงานใหม่ เพื่อป้องกันความเสียหายประชาชน และปราบปรามแก๊งปั่นหุ้นให้สิ้นซาก
หุ้นตัวใดมีพฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคา ลงมือปฏิบัติการตรวจสอบ และดำเนินมาตรการกำกับการซื้อขายและส่งสัญญาณเตือนหุ้นตัวอันตรายในทันที
มาตรการกล่าวโทษหรือลงโทษทางแพ่ง ไม่อาจสยบการปั่นหุ้นได้แล้ว เพราะแก๊งปั่นหุ้นดื้อ ตายยากกันหมด ไม่กลัวถูกปรับ ไม่กลัวติดคุก
ถ้าไม่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ฯ ไม่ปรับแนวคิดในการปราบการปั่นหุ้น ชาตินี้จะไม่มีวันปกป้องนักลงทุนให้รอดพ้นจากแก๊งปั่นหุ้นได้
และจะมีนักลงทุนอีกนับแสนนับล้าน ต้องรับเคราะห์กรรมจากแก๊งปั่นหุ้นอยู่ต่อไป