บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้คาดการณ์กำไรสุทธิรวมในไตรมาสปี 2568 ของธนาคารทั้ง 7 แห่งภายใต้การเราวิเคราะห์ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL),ธนาคารกสิกรไทย(KBANK),บ.เอสซีบีเอกซ์(SCB),ธนาคารกรุงไทย(KTB),ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY),ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTP)และกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร(KKP) อยู่ที่ 58,673 ล้านบาท ลดลง 7%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 3%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลง ประกอบกับวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยรายได้รวมโดยรวมยังคงอ่อนแอจากคาดการณ์สินเชื่อจะลดลง 1.3%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อท่ามกลางความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น และคาดว่า NIM จะลดลง 0.12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า (-0.6%) เนื่องจากธนาคารต่างๆ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในอัตราที่สูงขึ้น ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) คาดว่าจะลดลง 10%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ซบเซา
ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมคาดว่าจะลดลง 2%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการลงทุนอาจยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเส้นอัตราผลตอบแทนยังคงลดลงในไตรมาสนี้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ แต่ธนาคารบางแห่งอาจสามารถรับรู้รายได้จากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลบางส่วน ซึ่งจะช่วยรองรับรายได้รวม คาดว่าธนาคารจะสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ) คุณภาพสินทรัพย์น่าจะยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ธนาคารบางแห่งอาจปรับขึ้นต้นทุนสินเชื่อเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ในขณะที่ธนาคารอื่นๆ (BBL/TTB) อาจลดต้นทุนบางส่วนเพื่อรองรับผลกำไรสุทธิ
อย่างไรก็ตาม ยังมีธนาคารเตรียมบันทึกกำไรจากหุ้นการบินไทย (THAI) โดยคาดว่าธนาคารกรุงไทย(KTB) จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ในไตรมาสนี้ โดยคาดว่าจะบันทึกกำไรที่ยังไม่รับรู้จากหุ้นการบินไทยที่ได้มาจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการของสายการบิน กำไรคาดการณ์ไว้ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่ากำไรส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุลด้วยการตั้งสำรองเพิ่มเติม โดย KTB อาจเป็นธนาคารเดียวที่จะเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิ ส่วนBBL และ TTB ก็มีหุ้นไทยอยู่บ้างเช่นกัน แต่มีแนวโน้มที่จะบันทึกกำไรผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ดังนั้น กำไรดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรขาดทุน
ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ยังคงมุมมอง NEUTRAL ต่อหุ้นธนาคารไทย เนื่องจากผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจยังคงช่วยพยุงราคาหุ้น แม้รายได้รวมอ่อนแอ หุ้นแนะนำของเรายังคงเป็น KTB และ TTB เนื่องจากโปรไฟล์เงินปันผลที่แข็งแกร่ง และความเสี่ยงด้าน downside ที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ KTB และ TTB โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 26.00 และ 2.20 บาท ตามลำดับ