xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯปรับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน-เพิ่มเป้าสินเชื่อเป็น4-5แสนล้านบ.ในปี2573

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการทบทวนกลยุทธ์การทำงานด้านความยั่งยืน เพื่อช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสังคมได้ชัดเจนขึ้น จึงเปลี่ยนจากการดำเนินงานความยั่งยืนด้วยแกนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG-based Strategy) ไปสู่ยุทธศาสตร์ความยั่งยืนบนแนวทางใหม่ที่เน้นการจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวม เชื่อมโยงมุมมองทุกด้านที่เกี่ยวข้อง ด้วยแนวคิด Issue-based Strategy ที่กำหนดเป็นความมุ่งหมายใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การเป็นธนาคารที่ทุกคนเชื่อมั่น ,การเสริมความยืดหยุ่นพร้อมก้าวสู่อนาคตร่วมกัน และการสร้างการเติบโตที่ครอบคลุมและทั่วถึง

"ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้ได้ส่งเสริมให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถขับเคลื่อนการเติบโตควบคู่กับการผสานมิติความยั่งยืนไปด้วยอย่างกลมกลืนในทุกการทำงาน มองเห็นโอกาสการส่งมอบผลลัพธ์เชิงบวกในหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น โดยธนาคารไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้สินเชื่อหรือบริการทางการเงิน แต่ยังเป็นผู้เสริมสร้างศักยภาพเพื่อให้ลูกค้า ธุรกิจ และสังคมมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่ง ด้วยการส่งมอบโซลูชันทางการเงินที่ครอบคลุม ควบคู่กับการให้องค์ความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน"

ขณะที่การดำเนินธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยนั้น ได้มีการประกาศเจตนารมณ์สู่ Net Zero มาตั้งแต่ปี 2564 โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของธนาคาร เพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zero จากการดำเนินงานของธนาคารภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) โดยในปี 2567 ธนาคารสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 17.02% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563 (ค.ศ.2020) จากการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น การติดตั้งโซลาร์รูฟครบทุกอาคารหลัก และสาขาอีก 161 แห่ง พร้อมใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วกว่า 354 คัน รวมทั้งได้รับการรับรองว่าเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนต่อเนื่องถึง 8 ปี (ปี 2561-2568)

รวมถึงการผลักดันให้พอร์ตโฟลิโอของธนาคารบรรลุเป้าหมาย Net Zero ตามกรอบที่ประเทศไทยกำหนดสอดคล้องกับเป้าหมาย NDC (Nationally Determined Contribution) โดยกำหนดรายอุตสาหกรรมเพื่อเข้าไปควบคุมและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอย่างใกล้ชิด จำนวน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต้นน้ำ กลุ่มเหมืองถ่านหินประเภทเชื้อเพลิงให้ความร้อน กลุ่มซีเมนต์ กลุ่มอลูมิเนียม และกลุ่มยานยนต์ โดยพอร์ตโฟลิโออุตสาหกรรมโรงไฟฟ้ามีระดับความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 26% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563 (ค.ศ.2020)

ขณะเดียวกันได้สนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน ความรู้ และเทคโนโลยี ผ่านการปล่อยสินเชื่อและการลงทุน โดยมียอดสะสมของสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนกว่า 173,231 ล้านบาท (ณ สิงหาคม 2568) และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 2.74 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ประกอบด้วยสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 39,000 คัน สินเชื่อเพื่ออาคารสีเขียวมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร สินเชื่อสำหรับโครงการทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืนกว่า 500 โครงการ รวมถึงการดำเนินงานในมิติ Beyond Banking

และธนาคารได้ปรับเป้าหมายสินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมุ่งมั่นพัฒนา Beyond Banking Solution เพื่อส่งมอบ Climate Solution ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ลูกค้า และส่งเสริมการสร้าง Carbon Ecosystem ที่ครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการปรับตัว พร้อมพัฒนาเครื่องมือ KClimate1.5 สำหรับการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น

นายจงรักกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการเพิ่มเป้าหมายสินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืนดังกล่าวแล้ว ยังมีการส่งมอบโซลูชันการเงินที่ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การสร้างการเข้าถึงสินเชื่อบุคคลให้แก่ลูกค้าสินเชื่อรายเล็กผ่าน KIV การส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่าน KLeasing และการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานทางเลือกผ่านโซลูชันเพื่อธุรกิจโดย KF&E ตลอดจนการเสริมสร้างการลงทุนที่ยั่งยืนผ่าน KAsset ที่เพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่ขับเคลื่อนบนหลักการ ESG โดยปัจจุบัน KAsset ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของประเทศใน ESG Fund และ SRI Fund ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการ (AUM) กว่า 3.89 หมื่นล้านบาท และ 3.79 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งมี Beacon Impact Fund ที่มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่สร้างผลกระทบเชิงบวก
กำลังโหลดความคิดเห็น