xs
xsm
sm
md
lg

ยุโรปเขย่าตลาดคริปโต!! ECB ดันแผนแบน Stablecoin ดอลลาร์ สะเทือน Circle และ Paxos

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ที่มา : reuters
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และคณะกรรมการความเสี่ยงระบบการเงิน (ESRB) กดดันห้ามใช้โมเดล Stablecoin แบบ “multi-issuance” หวั่นกระทบเสถียรภาพการเงิน ขณะที่ Circle และ Paxos อาจเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่รับแรงกระแทกเต็ม ๆ

ยุโรปกำลังเดินหน้าสู่การออกมาตรการห้ามใช้ Stablecoin แบบดอลลาร์ที่ออกทั้งในและนอกสหภาพยุโรป (multi-issuance model) ซึ่งเป็นโมเดลที่อนุญาตให้ผู้ออกโทเคนที่ได้รับใบอนุญาตในสหภาพยุโรปถือสำรองไว้ในภูมิภาค ขณะที่พันธมิตรนอกยุโรปจัดการสำรองของโทเคนที่เหมือนกันในต่างประเทศ แนวทางดังกล่าวถูกมองว่าเสี่ยงสร้างความไม่สมดุลเมื่อเกิดวิกฤตการเงิน นักลงทุนอาจเร่งไถ่ถอนในฝั่งยุโรปจนทำให้ทุนสำรองท้องถิ่นไม่เพียงพอ และแบกรับภาระจากนอกเขตเศรษฐกิจยุโรป

ลาการ์ดกดดันหนัก - เหตุผลเรื่องเสถียรภาพการเงิน

คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ในฐานะประธาน ESRB สนับสนุนแนวคิดห้ามโมเดลดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยชี้ว่าช่องโหว่ในกฎ MiCA (Markets in Crypto-Assets Regulation) ของยุโรป อาจทำให้สหภาพยุโรปเผชิญความเสี่ยงเชิงระบบเช่นเดียวกับวิกฤตการเงินข้ามพรมแดนในอดีต ที่เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างสภาพคล่องและทุนสำรอง

แม้ข้อเสนอของ ESRB ยังไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็เป็นแรงกดดันเชิงนโยบายที่บังคับให้หน่วยงานยุโรปต้องหาคำตอบว่าจะปกป้องเสถียรภาพการเงินอย่างไร หากไม่เลือกเส้นทางห้ามเด็ดขาด

ความกังวลเรื่องอธิปไตยทางการเงิน

ปัจจุบันโทเคนที่อิงค่าเงินยูโรมีสัดส่วนเพียง 0.15% ของตลาด Stablecoin ทั่วโลกที่มีมูลค่ากว่า 230,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์ที่อิงค่าเงินดอลลาร์ครองตลาดถึง 99% ตัวเลขนี้สะท้อนความกังวลของ ECB ว่า Stablecoin ดอลลาร์อาจบั่นทอนอธิปไตยทางการเงินของยุโรปในระยะยาว

ขณะที่ที่ปรึกษา ECB อย่าง เยอร์เกน ชาฟ เคยเตือนว่า หากพึ่งพา Stablecoin ดอลลาร์มากเกินไป อาจทำให้นโยบายการเงินของยุโรปไร้ประสิทธิภาพลงอย่างมีนัยสำคัญ

Circle - Paxos รับแรงกดดันตรง

ผู้เล่นหลักอย่าง Circle และ Paxos ซึ่งมีฐานในสหรัฐและลงทุนทุนสำรองในเงินสดดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น อาจได้รับผลกระทบโดยตรง หากยุโรปห้ามโมเดล multi-issuance โดยเฉพาะเมื่อหน่วยงานกำกับในฟินแลนด์และฝรั่งเศสที่ดูแลการดำเนินงานของทั้งสองบริษัทในยุโรปยังปฏิเสธให้ความเห็น

แม้ European Commission เคยส่งสัญญาณสนับสนุนโมเดลนี้ แต่ความขัดแย้งในระดับนโยบายระหว่าง ECB, Commission และรัฐสภายุโรป อาจสั่นคลอนความน่าเชื่อถือของ MiCA ในฐานะมาตรฐานสากล

"Digital Euro" อาจกลายเป็นคำตอบเชิงยุทธศาสตร์

แรงกดดันนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการผลักดันโครงการ Digital Euro ที่ ECB เริ่มผลักดันตั้งแต่ปี 2564 และยังรอการอนุมัติทางกฎหมาย ผู้บริหาร ECB ย้ำว่าการเกิดขึ้นของ Stablecoin ดอลลาร์คือเหตุผลสำคัญที่ต้องเร่งสร้างทางเลือกของยุโรปเอง

ด้าน ปิเอโร ชิโปลโลเน กรรมการบริหาร ECB ย้ำในเดือนสิงหาคมว่า แม้ธุรกรรมดิจิทัลจะขยายตัวเร็ว แต่ “เงินสดยูโร” ยังคงมีบทบาทสำคัญและต้องอยู่คู่ Digital Euro ในอนาคต โดยปัจจุบันยังมีธนบัตรยูโรมากกว่า 1.6 ล้านล้านยูโรหมุนเวียนอยู่ และความต้องการกลับเพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤต

ECB คาดว่า Digital Euro อาจเปิดตัวได้ในปี 2572 หลังรัฐมนตรีการคลังยูโรโซนมีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญ เช่น ขีดจำกัดการถือครองของผู้ใช้เพื่อปกป้องเงินฝาก ขณะที่รัฐสภายุโรปจะต้องกำหนดจุดยืนภายในปี 2569

ธนาคารยุโรปร่วมวงแข่ง Stablecoin

ทั้งนี้ควบคู่กับ Digital Euro กลุ่มธนาคารยุโรป 9 แห่ง อาทิ ING, UniCredit, SEB และ CaixaBank ประกาศแผนเปิดตัว Stablecoin อิงยูโรในปี 2569 ภายใต้กรอบ MiCA และตั้งฐานในเนเธอร์แลนด์ โดยจะยื่นขอใบอนุญาต e-money เพื่อเสริมอำนาจการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบรวดเร็วและต้นทุนต่ำ

ความเคลื่อนไหวนี้ต่อยอดจากการที่ Société Générale เปิดตัวโทเคนอิงยูโรบนบล็อกเชน Stellar แล้วก่อนหน้านี้ ยืนยันชัดว่า การแข่งขันด้านการเงินดิจิทัลในยุโรปกำลังเข้าสู่สมรภูมิเดือด

ยุโรปส่งสัญญาณแรง "สงคราม Stablecoin"

แผนแบน Stablecoin ดอลลาร์ไม่ใช่เพียงมาตรการทางเทคนิค แต่สะท้อนความพยายามของยุโรปในการรักษาอธิปไตยทางการเงินและลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจการเงินโลกขณะที่ Circle และ Paxos จึงไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการที่ถูกท้าทาย แต่คือ “สนามทดสอบ” ของยุโรปว่าพร้อมแค่ไหนที่จะสร้างระบบการเงินดิจิทัลที่ยืนได้ด้วยตนเอง