xs
xsm
sm
md
lg

กกร.พร้อมเดินหน้าช่วยขับเคลื่อนศก.-ห่วงโดนลดเครดิตประเทศ-ชี้กองทุน Sovereign ช่วยเพิ่มดีมานด์ดอลลาร์-กดบาทอ่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3สถาบัน ว่า กกร. ขอแสดงความขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการหารือร่วมกับภาคเอกชน ผ่านการประชุมกับทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นและการทำงานแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หลายข้อเสนอของภาคเอกชนได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลแล้ว กกร. จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายเหล่านี้จะได้รับการผลักดันให้เกิดผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคงต่อไป

พร้อมกันนี้ กกร. ยังยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้มาตรการด้านเศรษฐกิจไม่สะดุด และสามารถสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน โดย กกร. ได้เสนอร่างพิมพ์เขียว เวที “Reinvent Thailand” เพื่อเป็นกรอบการทำงานที่รวดเร็วและคล่องตัวเหมาะสมกับบริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ในการฟื้นฟูและยกระดับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

"การมีรัฐบาลที่อยู่ในการอบรัฐธรรมนูญได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้มีสัญญาประชาคมที่จะดำเนินต่อเนื่องไป โดยในช่วง 4 เดือนต่อจากนี้ก็จะรู้คำตอบ ถ้าทำได้ตามนั้น ก็จะเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาได้ เพราะโครงสร้างหลายๆโครงสร้างของเราพังไปแล้ว จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยเร็ว ส่วนการแถลงนโยบายของรัฐบาลในช่วง 2 วันที่ผ่านมานั้น ก็ถือว่าอยู่ในกรอบกรอบที่กกร.ได้นำเสนอไป และกกร.เองก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนในการขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลัง"

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจนั้น จะเห็นได้ชัดว่าการเร่งส่งออกที่หนุนเศรษฐกิจโลกช่วงที่ผ่านมาเริ่มแผ่วลง เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และในปีข้างหน้ามีทิศทางชะลอตัว โดย OECD ประเมิน GDP โลกปี 2568 โต 3.3% แต่ปัจจัยลบจากการขึ้นภาษีซึ่งกระทบการใช้จ่ายและการจ้างงาน จะกดดันเศรษฐกิจโลกปี 2569 ให้ชะลอลงเหลือโต 2.9% ทั้งนี้การส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ จะหดตัว ซึ่งภูมิภาคอาเซียนจะหดตัว 9.7% ส่วนไทยจะหดตัว 12.7% ตามการประเมินของ UNDP สะท้อนความเปราะบางของการค้าโลก

สำหรับตัวเลขการส่งออก กกร. ยังคงประมาณการการเติบโตไว้ที่ 2–3% โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ารุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ภาคเอกชนเห็นว่าหากสามารถดูแลเสถียรภาพและทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวเลขการส่งออกปรับตัวสูงขึ้นได้ รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ดังนั้น กกร. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทบทวนประมาณการการส่งออกอีกครั้งในการประชุมเดือนหน้า

ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะค่าเงินบาทยังแข็งค่าและมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยังขาดข้อมูลเชิงลึกเพื่ออธิบายผลกระทบจากธุรกรรมทองคำและคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบ ซึ่งทำให้ตัวเลขดุลการชำระเงินส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในหมวด “Errors & Omissions” โดยไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน กกร. จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงข้อมูล เร่งแยกแยะและวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมเหล่านี้ต่อภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) พร้อมทั้งพิจารณามาตรการเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างสมดุลในระยะยาว ที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า อาทิ การจัดตั้งกองทุน Sovereign Wealth Fund เพื่อเป็นกลไกเพิ่มเติมตอบโจทย์กับกิจกรรมการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไม่ยึดติดกับผลิตภัณฑ์เดิม รองรับและบริหารความผันผวนอย่างเป็นระบบ

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวเสริมว่า กองทุน Sovereign Wealth Fund นั้น เป็นส่วนที่ทางประธานสภาพัฒน์เป็นผู้นำเสนอ ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็สามารถนำไปบูรณาการณ์เพื่อทำให้เกิดความสมดุลในภาวะที่เงินบาทแข็งค่า แม้ว่าเราจะหลีกเลี่ยงเทรนด์ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าไม่ได้ แต่จะช่วยอย่างไรให้บาทแข็งค่าไม่เกินประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งธปท.ก็ต้องไปศึกษาต่อ ขณะที่กกร.ก็พร้อมร่วมหารือ

"กองทุน Sovereign Wealth Fund ก็ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยสร้างดีมายด์ให้กับเงินดอลลาร์เพื่อปรับสมดุลอัตราแลกเปลี่ยน ในสภาวะที่เรามีเงินสำรองระหว่างประเทศสูง"

พร้อมกันนั้น ไทยต้องเร่งยกระดับ Regional Value Content (RVC) เนื่องจากหากไม่สามารถรักษาระดับที่เหมาะสมได้ อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ และส่งผลต่อแรงงานราว 4 แสนคนที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาการใช้วัตถุดิบในประเทศ และเสริมสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำให้แข็งแรง โดยมี RVC ที่เหมาะสมอยู่ที่ 40% ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก

คาดเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 1.8%-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม อย่างไรก็ดี หากสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ให้ได้ราว 1 ใน 3 ของงบประมาณภายในสิ้นปีนี้ กระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้ไปถึง 34 ล้านคน ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคนละครึ่งพลัส สนับสนุน SMEs และ Made In Thailand ตามแนวทาง Quick Big Win ของรัฐบาล จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้โตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่โต 2.5%

สำหรับการปรับลดมุมมองของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีบริษัทจัดอันดับเครดิต 2 รายได้แก่ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส และฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดมุมเครดิตของไทยลงเป็น ลบ จากเดิมที่ มีเสถียรภาพนั้น ก็ถือเป็นการเห็นพ้องกันของบริษัทจัดอันดับเครดิต 2 ราย ยังเหลืออีก 1 รายคือ S & P จึงถือเป็นสัญญาณเตือนให้เรารู้ว่าหากยังเป็นเช่นนี้อยู่ ลำดับต่อไปก็จะถูกลดอันดับเครดิต ดังนั้น ก็ต้องรีบปรับตัวให้ทัน

"ขณะนี้เราเหมือนยืนอยู่บนหน้าผา ความสามารถในการสร้างรายได้ของประเทศที่อ่อนด้อยลงเรื่อยๆส่งผลต่อการขาดดุลมายาวนาน ขณะที่ปัญหาอื่นๆ ก็ถาโถมเข้ามาจากหลายๆด้าน และหากเรายังไม่ทำอะไรก็จะต้องโดนลดเครดิตลงไปก็จะเท่ากับฟิลิปปินส์ ซึ่งการถูกปรับลดมุมมองเครดิตครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ เป็นเรื่องที่หลายๆมีการคาดการณ์-เตือนมาตลอด ดังนั้น การเร่งแก้ไข และการสร้างความตระหนักรู้อย่างถ่องแท้ในภาคสาธารณะก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน"นายผยงกล่าว

นอกจากนั้น กกร. ยังได้มีประเด็นสำคัญที่หารือเพิ่มเติม ดังนี้ สืบเนื่องจาก Problem Statement ของข้อเสนอ “Reinvent Thailand” กกร. จึงให้ความสำคัญกับสถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยที่ยังคงอยู่ในระดับรุนแรงและเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างชาติ ผลการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในเรื่องดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ชี้ว่าการทุจริตเชิงนโยบายและการทุจริตในระดับท้องถิ่นที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ที่ขาดความโปร่งใส การเรียกรับผลประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาค ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการจำนวนมากที่ยังคงเผชิญแรงกดดันต้องจ่ายเงินพิเศษให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจทางการเมืองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิหรือสัญญาตามระบบราชการ

ทั้งนี้ กกร. ได้จัดตั้งคณะทำงาน Zero Corruption : กกร. ไม่ทน ขึ้นมาโดยตรง เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม พร้อมจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มาตรการเหล่านี้ถูกนำไปปฏิบัติได้จริง และสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงสร้างระบบเศรษฐกิจและการเมืองไทยที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืนในระยะยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น