xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.23-โมเมนตัมการอ่อนค่ายังมีกำลัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 31.75-32.75 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.10-32.30 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (29ก.ย.68)ที่ 32.23 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.25 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 32.18-32.27 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีจังหวะทยอยอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.30 บาทต่อดอลลาร์

ทว่า เงินบาทก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และจังหวะย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม สูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 2.7% ตามคาด ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ก็ทรงตัวที่ระดับ 2.9% ตามคาด ทำให้ ผู้เล่นในตลาดไม่ได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มเติม นอกจากนี้ การย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึง ความวุ่นวายของการเมืองสหรัฐฯ ที่เริ่มเห็นความเสี่ยงการเกิดภาวะ Government Shutdown เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวสูงขึ้น สู่โซน 3,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินบาท

สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ต่างออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงาน พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และความเสี่ยง Government Shutdown ของสหรัฐฯ

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังมีกำลังอยู่ โดยเฉพาะหลังจากที่เงินบาทได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ตามกลยุทธ์ Trend-Following) อย่างไรก็ดี เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-way risk หรือพร้อมเคลื่อนไหว ได้ทั้งสองทิศทาง ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง ข้อมูลการจ้างงาน รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งต้องระวังในกรณีที่ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับการปรับเพิ่มสถานะ Short USD (มองเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง) เพราะอาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่างกลุ่ม CTA ที่เน้นกลยุทธ์ Trend Following ต้องปิดสถานะ Short USD (Stop Loss) และยิ่งหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้

แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า แต่การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจไม่ได้รุนแรงในระยะสั้น ตราบใดที่ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง อีกทั้งบรรดานักลงทุนต่างชาติก็ไม่ได้เทขายสินทรัพย์ไทยต่อเนื่อง เหมือนในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะเดียวกัน ผ้เล่นในตลาดบางส่วน อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ และ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวรับจะอยู่ในช่วง 31.80 บาทต่อดอลลาร์ และ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์สามารถแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงาน ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจเร่งขึ้นได้ หากผู้เล่นในตลาด อย่าง กลุ่ม CTA-Trend Following ปรับลดสถานะ Short USD อย่างไรก็ดี ความเสี่ยง Two-way risk ของเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ โดยทิศทางของเงินดอลลาร์จะขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดเป็นสำคัญ
กำลังโหลดความคิดเห็น