การขายหุ้น “รีนาเซนเต” ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ในประเทศอีตาลี ซึ่งกำลังกลับมารุ่งเรือง ทำให้ผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และถูกตั้งข้อสงสัยในปมของธุรกรรมที่เกิดขึ้น แต่กระแสการโจมตีผู้บริหาร CRC ต้องปะทุขึ้นอีกครั้ง กรณีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติการขาย ”รีนาเซนเต”
CRC กำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อลงมติการขายหุ้น “รีนาเซนเต” ในวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568 แต่การประชุมจะจัดในรูปแบบ E-MEETING หรือการประชุมผ่านสื่ออีเลคทรอนิคส์ ทำให้เกิดเสียงโวยวายตามมาจากผู้ถือหุ้นรายย่อย
เพราะการขายทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้ดีกับ CRC โดยขายในราคา 9,384 ล้านบาท ให้บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ CRC และเป็นบริษัทกงสีของกลุ่มจิราธิวัฒน์ นอกจากเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันแล้ว ยังเป็นธุรกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินกันว่า ราคาที่ขาย”รีนาเซนเต” นั้น ต่ำหรือถูกเกินไป
ฝ่ายบริหาร CRC ควรเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย พบปะกับฝ่ายบริหารบริษัทฯที่ร่วมกันตัดสินใจขาย “รีนาเซนเต” โดยตรง เพื่อซักถามข้อมูลจนเกิดความกระจ่าง และหมดข้อสงสัยในพฤติกรรมของผู้บริหาร CRC
แต่การจัดประชุมเพื่อพิจารณาวาระสำคัญ ฝ่ายบริหาร CRC กลับเลือกจัดประชุมผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออีเลคทรอนิคส์ ซึ่งผู้ถือหุ้นรายย่อย มีโอกาสน้อยมากที่จะซักถามข้อมูล เหตุผล และผลกระทบจากการขาย "รีนาเซนเต" จนเกิดความกระจ่าง
การจัดประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ ในรูปแบบ E-MEETING หรือประชุมผ่านสื่ออีเลคทรอนิคส์ สร้างปัญหาให้นักลงทุนอย่างมาก เพราะไม่มีโอกาสพบปะผู้บริหารโดยตรง ไม่สามารถซักถามปัญหาข้อสงสัยในการดำเนินงานได้อย่างเต็มที่ คำถามที่ไม่ถูกใจผู้บริหารบริษัทฯอาจถูกตัดตอน และไม่อาจตรวจสอบและกำกับการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียนได้อย่างเต็มที่เหมือนอดีต
การจัดประชุมผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออีเลคทรอนิคส์ เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด จนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ต้องออกพระราชกำหนด การจัดประชุมผ่านสื่ออีเลคทรอนิคส์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด”
พระราชกำหนดการจัดประชุม E-MEETING ออกเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2563 และยังมีผลบังคับใช้อยู่ จนเป็นช่องโหว่ที่ฝ่ายบริหารบริษัทจดทะเบียน ฉวยโอกาส จัดประชุม E-MEETING เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ถือหุ้น ไม่ต้องเจอการถูกซักฟอกจากผู้ถือหุ้น
บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจำนวนหลายแสนล้านบาท มียอดรายได้ปีละหลายแสนล้านบาท และยังได้รับรางวัลธรรมาภิบาล แต่กลับฉวยโอกาส จัดประชุมผู้ถือหุ้นในระบบ E-MEETIMG แทนที่จะกลับมาจัดประชุมผู้ถือหุ้นในรูปแบบปกติ เพื่อความโปร่งใส เพื่อแสดงเจตนารมณ์การเป็นบรรษัทภิบาล และเป็นแบบอย่างของบริษัทจดทะเบียนที่ดี
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก ร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้บริษัทจดทะเบียนกลับมาจัดประชุมผู้ถือหุ้นในรูปแบบเดิม ซึ่งก.ล.ต.ได้ออกหนังสือเวียนถึงบริษัทจดทะเบียน ขอความร่วมมือให้กลับมาจัดประชุมผู้ถือหุ้นในรูปแบบปกติ โดยออกหนังสือเวียนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2567
แต่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ ดื้อแพ่งกับ ก.ล.ต. และยึดตาม พ.ร.ก.จัดประชุม E-MEETING ต่อไป ฉวยโอกาสหลบหน้าลบตาผู้ถือหุ้นรายย่อย
ถ้าไม่ยกเลิก พ.ร.บ.ที่ออกเมื่อปี 2563 ฝ่ายบริหารบริษัทจดทะเบียนคงฉวยโอกาส จัดประชุม E-MEETING ต่อไป และทำให้ผู้ถือหุ้นตรวจสอบและเข้าถึงผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนได้ยากลำบากขึ้น
การออกกฎหมาย เพื่อยกเลิก พ.ร.ก.การประชุม E-MEETING เป็นอำนาจของรัฐบาล แต่ ก.ล.ต.ควรเป็นผู้ผลักดันเสนอรัฐบาล เพราะเป็นหน่วยงานที่รู้ปัญหาดีที่สุด และได้รับคำร้องเรียนจากนักลงทุนมากมาย
ถ้าไม่ยกเลิก พ.ร.ก.การจัดประชุมผ่านสื่ออีเลคทรอนิคส์ ชาตินี้ก็อาจไม่มีการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในรูปแบบเดิม
เพราะผู้บริหารบริษัท ฯ จดทะเบียน จะฉวยโอกาสเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ถือหุ้น เลี่ยงการถูกซักฟอกจากผู้ถือหุ่นโดยตรง แม้จะมีธุรกรรมที่ต้องสงสัย และต้องขอมติโหวตจากผู้ถือหุ้นก็ตาม
การประชุม E-MEETING ของ CRC เป็นอีกกรณีที่ผู้ถือหุ้นกำลังโวยวาย เพราะเมื่อมีธุรกรรมอันต้องสงสัยว่าไม่โปร่งใส ผู้บริหารบริษัท ฯ ควรจัดประชุมเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ถือหุ้นโดยตรง
และตอบทุกข้อสงสัยในการขาย”รีนาเซนเต” ให้บริษัทกงสีของกลุ่ม ”จิราธิวัฒน์” จนผู้ถือหุ้นสิ้นสงสัยในความไม่โปร่งใสของผู้บริหาร CRC