xs
xsm
sm
md
lg

หลักทรัพย์บัวหลวง บลจ.บางกอกแคปปิตอล ผนึก ตลท. เปิดตัวครั้งแรก “กองทุน L&I ETFs”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลักทรัพย์บัวหลวง และ บลจ.บางกอกแคปปิตอล จับมือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ETF ประเภท Leveraged & Inverse ETFs หรือ L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว 3 กองทุนใหม่ จัดตั้งโดย BCAP ครอบคลุมทั้ง Leveragedและ Inverse ETFs  เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันแรก 26 ก.ย.  นี้  

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลักทรัพย์บัวหลวง และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด หรือ BCAP จับมือกับ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนรวม Exchange Traded Fund หรือ ETF ประเภทใหม่ Leveraged & Inverse ETFs (L&I ETFs) อ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง ทั้งนี้ การออก L&I ETFs เป็นไปตามการปรับปรุงเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่สามารถให้ผู้ลงทุนทั่วไปศึกษาข้อมูลและลงทุน L&I ETFs ได้ โดยเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ L&I ETFs ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และฮ่องกง เนื่องจากสามารถเพิ่มผลตอบแทนและช่วยบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่ตลาดผันผวน
เราเชื่อว่า กองทุน L&I ETFs ชุดแรกของไทย จะเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของพัฒนาการตลาดทุนไทยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้น
สภาพคล่อง พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงเครื่องมือการลงทุนที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธใหม่ของนักลงทุนที่จะช่วยให้การลงทุนมีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น” นายชัยพร กล่าว

นายชัยพร กล่าวต่อว่า ผลิตภัณฑ์ L&I ETFs เป็นกองทุนรวม ETF ประเภทใหม่ที่มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณ (Leveraged) หรือเป็นจำนวน "เท่า" และหากต้องการผลตอบแทน "ตรงกันข้าม" (Inverse) แบบจำนวนเท่า ก็สามารถทำได้ตามการเปลี่ยนแปลงดัชนีอ้างอิงแบบรายวัน เหมาะสำหรับการลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น และผู้ลงทุนที่ติดตามและทบทวนสถานะการลงทุนของตนเองเป็นประจำทุกวัน มากกว่าการถือครองระยะยาวเหมือน ETF ทั่วไป เนื่องจากกองทุนมีการปรับฐานผลตอบแทนรายวัน หากถือครองเกินกว่าหนึ่งวัน อาจทำให้ผลตอบแทนรวมที่ได้รับไม่สอดคล้องกับอัตราทวีคูณของดัชนีโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง


ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ L&I ETFs แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.Leveraged ETFs ซึ่งเป็น ETF ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนในช่วงตลาดขาขึ้น โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนรายวันแบบทวีคูณ เช่น 2 เท่า (2X) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มั่นใจในทิศทางตลาดและต้องการขยายโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของดัชนี เช่น หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวขึ้น 1% กองทุนประเภทนี้ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 2 เท่า ก็จะมีผลตอบแทนรายวันปรับขึ้นประมาณ 2% ในทางกลับกัน
หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวลง 1% ผลตอบแทนรายวันของกองทุน Leveraged ETFs จะปรับลดลงประมาณ 2%

2. Inverse ETFs เป็น ETF ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนรายวันในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาด เช่น -1 เท่า (1I) หรือ -2 เท่า (2I) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกำไรจากการคาดว่าตลาดจะปรับตัวลง หรือผู้ที่ต้องการใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เช่น หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวลง 1% กองทุนประเภทนี้ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนในทางตรงกันข้าม 2 เท่า ก็จะมีผลตอบแทนรายวันปรับขึ้นประมาณ 2% ในทางกลับกัน หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวขึ้น 1% ผลตอบแทนรายวันของกองทุน Inverse ETFs จะปรับลดลงประมาณ 2%

“หลักทรัพย์บัวหลวง ในฐานะหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการเงินมานานกว่า 10 ปี ทั้งการเป็นผู้ออก DW และผู้ออก DR รายแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2561
นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า เรื่องการดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ของกองทุน L&I ETFs ที่จัดตั้งโดยบลจ.บางกอกแคปปิตอลจะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายชัยพร กล่าว

  นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด
กล่าวเสริมว่า กองทุน L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 TRI จำนวน 3 กองทุน ซึ่งบลจ.บางกอกแคปปิตอล ได้จัดตั้งและเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยกองทุนที่เปิดเสนอขาย ประกอบด้วย

1. กองทุน Leveraged ETF ในชื่อ “2X01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณจำนวน 2 เท่า
ของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นใจว่า ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ชัดเจน และต้องการสร้างผลตอบแทนรายวันที่สูงกว่าการลงทุนในดัชนีโดยตรง

2. กองทุน Inverse ETF ในชื่อ “1I01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ -1 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตหุ้น
เมื่อมองว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลดลง

3. กองทุน Inverse ETF ในชื่อ “2I01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ -2 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มั่นใจว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลงอย่างชัดเจน
และต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดขาลง

“กองทุน L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 TRI ชุดแรกของไทย จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มองหาเครื่องมือการลงทุนที่ทันสมัยและสามารถใช้บริหารความเสี่ยงได้อย่างยืดหยุ่นในภาวะตลาดผันผวน อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่ากองทุนชุดนี้จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นสภาพคล่องและยกระดับตลาด ETF ของไทยให้เติบโตทัดเทียมกับต่างประเทศ” นางเมธ์วดี กล่าว

ทั้งนี้ กองทุน L&I ETFs ทั้ง 3 กอง จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันศุกร์ ที่ 26 กันยายน 2568 โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุน L&I ETFs ได้อย่างสะดวกเช่นเดียวกับหุ้นสามัญทั่วไป
ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bualuang.co.th/


กำลังโหลดความคิดเห็น