xs
xsm
sm
md
lg

ทลายเหมืองบิทคอยน์ธัญบุรี 25 จุด ลักไฟหลวง เสียหายปีละกว่า 50 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปฏิบัติการธัญโวลต์” เขย่าวงการคริปโตไทย เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานสนธิกำลังบุกยึดเครื่องขุดเหมืองบิทคอยน์ผิดกฎหมาย 25 แห่ง ย่านธัญบุรี พบเครื่องขุดกว่า 600 เครื่อง ลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ก่อความเสียหายต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนับปีละกว่า 50 ล้านบาท สะท้อนช่องโหว่ด้านความมั่นคงพลังงานและเสถียรภาพเศรษฐกิจประเทศ

วันที่ 19 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย ร้อยตำรวจเอกเขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมด้วยผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคกลาง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทีมลงพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครองและอาสาสมัครรักษาดินแดน ตรวจค้นอาคารพาณิชย์และบ้านเช่า 25 จุดในอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี หลังได้รับข้อมูลการลักลอบใช้ไฟฟ้าขุดเงินดิจิทัลอย่างผิดกฎหมาย


การตรวจค้นพบเครื่องขุดเหมืองบิทคอยน์กว่า 600 เครื่องที่ติดตั้งในพื้นที่ชุมชน โดยทั้งหมดใช้วิธีดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อลดค่าใช้จ่าย สร้างความเสียหายต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคปีละไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท และเมื่อรวมเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน ความเสียหายรวมสูงถึง 738 ล้านบาท

แรงจูงใจจากราคาบิทคอยน์พุ่งสูง

ร้อยตำรวจเอกเขมชาติ ระบุว่า ราคาบิตคอยน์ปัจจุบันพุ่งแตะกว่า 3.7 ล้านบาทต่อเหรียญ จากช่วงโควิดที่อยู่ราว 6-7 แสนบาท ทำให้กระแสการขุดบิทคอยน์กลับมาแรงขึ้น แต่ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูง ทำให้ผู้ประกอบการผิดกฎหมายเลือกทางลัดด้วยการลักลอบใช้ไฟ ซึ่งหากจ่ายค่าไฟอย่างถูกต้อง “ไม่มีทางคุ้มทุนในการขุดได้”

ดีเอสไอยังเตรียมประสานกรมศุลกากรเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของเครื่องขุดแต่ละเครื่องที่มีซีเรียลนัมเบอร์ชัดเจน ว่ามีการนำเข้าอย่างถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ยังเตรียมศึกษารูปแบบการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อวางมาตรการเชิงป้องกัน พร้อมตรวจสอบว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องในกระบวนการหรือไม่


การไฟฟ้าชี้จุดอ่อนระบบตรวจสอบ

ด้านนายอารมณ์ สิงห์เงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 เปิดเผยว่า วิธีการที่พบคือการดัดแปลงมิเตอร์หรือไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านระบบปกติ ทำให้แม้บ้านจะใช้ไฟในปริมาณมหาศาล แต่กลับมีค่าไฟเพียงหลักพันบาทเหมือนครัวเรือนทั่วไป การตรวจจับจึงทำได้ยาก และจำเป็นต้องอาศัยการประสานงานกับดีเอสไอเพื่อเข้าตรวจค้น

ภัยคุกคามพลังงานและเศรษฐกิจ

ทั้งนี้คดี “ธัญโวลต์” สะท้อนปัญหาเชิงลึกที่เป็นมากกว่าการจับกุมเหมืองบิทคอยน์เถื่อน หากแต่สะท้อนความท้าทายเชิงโครงสร้างต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเศรษฐกิจไทย เมื่อเทคโนโลยีการขุดคริปโตยังคงเติบโต การบังคับใช้กฎหมายและระบบกำกับดูแลที่เข้มแข็งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าประเทศสามารถสกัดกั้นอาชญากรรมทางพลังงานและการเงินได้มากน้อยเพียงใด