ประธาน FETCO เตรียมทำหนังสือขอพบรมต.คลังหารือสนับสนุนแนวทาง TISA (Thailand Individual Savings Account) บัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้นหนุนตลาดทุน มั่นใจแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลระยะสั้น แต่ก็เป็นโอกาสในการปฎิรูปเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) ในฐานะประธานสภาตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า หากมองถึงคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจชุดใหม่แล้ว ถือว่ามีความเหมาะสม และมีความพร้อมช่วยผลักดันนโยบายเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหากรัฐบาลใหม่ได้รับการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ สภาตลาดทุนไทยพรัอมด้วยสมาชิกทั้ง 7 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)ืสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (TLCA) มีแนวทางที่จะส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอเข้าพบนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอหารือในการหาแนวทางกระตุ้นเศรฐกิจและตลาดทุนไทย
โดยนโยบายที่ทาง FETCO เตรียมเข้าหารือในครั้งนี้เป็นการนำเสนอแนวคิด TISA (Thailand Individual Savings Account) ที่เป็นบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น ที่เปิดให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯได้สิทธิลดหย่อนภาษี โดย TISA เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ แพ็กเกจ TISA ที่ทางFETCOได้เตรียมเสนอกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้นจะรวมในเรื่องของการต่ออายุกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยาว (Super Saving Funds :SSF) ที่ครบกำหนดอายุในปี 2568 ด้วย โดยข้อมูลทุกอย่างที่จะนำเสนอ ทาง FETCO ได้จัดเตรียมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว และเชื่อมั่นว่าทางรัฐมนตรีคลังพร้อมผลักดันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศในวงกว้าง หากเดินหน้าได้ตามแผนส่งผลดีต่อตลาดทุนไทยได้แน่นอน
"แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลระยะสั้น มองเป็นโอกาสในการปฎิรูปเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรมอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมกับผลักดันนโยบายเร่งด่วนให้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจ เป็นจะผลดีต่อประเทศไทยไม่น้อย พร้อมกันนั้น ในฐานะที่ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี อยากเสนอให้รัฐบาลเพิ่มทรัพยากรทั้งด้านงบประมาณและบุคลากรให้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) อย่างน้อย 3 เท่า เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยยอดการลงทุนผ่าน BOI ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านบาท"
นอกจากนี้ ยังเสนอให้เพิ่มงบประมาณของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อยกระดับการทำตลาดและดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ก็ควรได้รับงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อขยายตลาดใหม่ ๆ แทนตลาดสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายลดสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐจาก 20% เหลือ 10% ภายใน 3 ปี ซึ่งจะช่วยสร้างความเสถียรให้ภาคการส่งออก