ตลาดหุ้นตีฝ่า แนวต้านที่ระดับ 1300 จุดขึ้นมาได้ สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 8 เดือน ตอบรับข่าวดีที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา ทั้งการจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล และการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐปลายสัปดาห์นี้ ทำให้แนวโน้มบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นมีความสดใส
ดัชนีหุ้นมีแนวโน้มเดินหน้าได้ต่อ สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ต่อไป เพียงแต่จะทะยานขึ้นไปได้ไกลขนาดไหนเท่านั้น
วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีฯพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1308.19 จุด เพิ่มขึ้น 5.41 จุด มูลค่าซื้อขาย 47,4558 ล้านบาท โดยนัดลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อสุทธิ 1,247 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ มีมุมมองที่ดีสำหรับแนวโน้มตลาด แต่ไม่ได้ประเมินว่า หุ้นรอบนี้จะไปได้ไกลนัก และแทบไม่มีใครพูดถึงพูดถึง ตัวเลข 1350 กันเท่าไหร่ เพราะเชื่อว่า ในรอบนี้คงยังไม่ผ่านแนวต้าน 1250 จุด
เพดานขาขั้นจึงแคบลง แม้จะมีข่าวดีหลายประเด็นจะเข้ามากระตุ้นการลงทุนก็ตาม
จากจุดต่ำสุดของดัชนี ฯ ปีนี้ที่ระดับประมาณ 1050 จุด หุ้นขึ้นมาแล้วประมาณ 250 จุด และเป็นขาขึ้นเต็มตัว นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจุดพลุสู่ตลาดหุ้นขาขึ้น
เพียงแต่นักลงทุนต่างชาติ ยังไม่กลับเข้ามาเท่านั้น และทยอยขายหุนออกต่อไป เพียงแต่ไม่ได้เทขายมากมาย นอกจากนั้น บางช่วงเวลากลับมาช้อนซื้อด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ยอดขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ สะสมจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ยังมีจำนวนค้างอยู่ 84,150 ล้านบาท
ช่วงเวลาที่เหลืออีก 3 เดือนเศษในปี 2568 ถ้าต่างชาติมีมุมมองในเชิงบวกต่อประเทศไทย มั่นใจในแนวโน้มตลาดหุ้น และเชื่อว่า รัฐบาลนายอนุทินจะมีมาตรการดีกระตันเศรษฐกิจ และกลับเข้ามาซื้อหุ้น ดัชนี ฯ คงมีโอกาสวิ่งฉิว โดยวิ่งไปถึง 1400 จุดได้ในปลายปีนี้
แต่โลกไม่ได้สวยหมดเสียทีเดียว เพราะปัจจัยลบยังมีอยู่ เศรษฐกิจทั้งโลกยังตกต่ำ เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟุบหนัก จนอาจต้องลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ ส่วนเศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญาณฟื้น และทุกฝ่ายกำลังรอคอยรัฐบาลนายอนุทินว่า จะมีมาการปลุกเศรษฐกิจอย่างไร มาตรการได้ผลหรือไม่ จะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้ขนาดไหน
ผู้ว่า ฯ แบงก์ชาติคนปัจจุบัน นายเศรษฐพุฒ สุทธิวาทนฤพุฒิ แสดงความกังวลในเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ โดยปัจจุบันไทยถูกลดมุมมองในความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดอันดับความน่าเชื่อถือตามมาได้ และจะซ้ำเติมปัญหาความเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทย
แม้การลงทุนในระยะสั้น ยังอยู่ในข่วงขาขึ้น แต่ดัชนีฯทะยานขึ้นมาตอบรับข่าวดีล่วงหน้าไปพอสมควรแล้ว ถ้าจะไปต่อ ต้องมีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน เพราะนักลงทุนในประเทศ เริ่มชะลอการลงทุนอีกครั้ง ทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นลดลง บางวันเหลือเพียง 3 หมื่นล้านบาทเศษ
ทุกคนรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน รอคอยการประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และรอดูว่า ต่างชาติที่เริ่มกลับมาซื้อหุ้นบ้าง จะกลับมาจริงและซื้อหุ้นต่อเนื่องหรือไม่
ระหว่างรอคอยข่าวดี นักลงทุนในประเทศจึงยืนคุมเชิง ไม่บุกตะลุยไล่ซื้อหุ้นและดัชนี ฯ คงย่ำอยู่แถว 1300 จุดสักพัก
เป้าหมาย 1350 จุดในรอบนี้ หรือ 1400 จุดในสิ้นปี ต้องมีข่าวดีใหม่เข้ามาหนุน หรือต่างชาติยกทัพกลับเข้ามาเป็นกองหนุนไล่ช้อนซื้อหุ้นไทย