SC Ventures หน่วยลงทุนของ Standard Chartered เปิดแผนตั้งกองทุนดิจิทัลมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ในปี 2569 โดยดึงนักลงทุนตะวันออกกลางร่วมวง ลุยเต็มตัวในตลาดโทเคนและบล็อกเชน ควบคู่กองทุนใหม่ในแอฟริกา 100 ล้านดอลลาร์ ตอกย้ำกลยุทธ์ขยายอิทธิพลในสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก ท่ามกลางกระแสฟินเทค-คริปโตเดือดทั้ง MENA และแอฟริกา
SC Ventures หน่วยลงทุนในเครือ Standard Chartered ธนาคารยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ เตรียมระดมทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อจัดตั้งกองทุนดิจิทัลแอสเซ็ต มุ่งเน้นการลงทุนในบริการทางการเงินยุคใหม่ ทั้งโทเคนไนซ์ การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และโปรเจกต์สินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยมีนักลงทุนรายใหญ่จากตะวันออกกลางเข้าร่วมสนับสนุน เงินทุนดังกล่าวคาดว่าจะเปิดตัวจริงในปี 2569
โกตัม เจนต์ กรรมการผู้จัดการของ SC Ventures เปิดเผยแผนดังกล่าวในงาน Money 20/20 ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของ Standard Chartered ที่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นแกนกลางเชื่อมโยงสภาพคล่อง กฎเกณฑ์ และช่องทางจัดจำหน่ายในระบบการเงินดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นอกเหนือจากกองทุน 250 ล้านดอลลาร์แล้ว SC Ventures ยังวางแผนตั้งกองทุนอีก 100 ล้านดอลลาร์เพื่อเจาะตลาดแอฟริกา พร้อมพิจารณาการเปิดตัว venture debt fund เป็นครั้งแรก แม้ยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าจะโฟกัสด้านสินทรัพย์ดิจิทัลหรือฟินเทคโดยตรง แต่สะท้อนภาพการเดินเกมเชิงรุกในตลาดเกิดใหม่
SC Ventures ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2561 เดิมมีภารกิจลงทุนในสตาร์ทอัพเทคโนโลยีและพัฒนาโปรเจกต์นวัตกรรมใหม่ให้กับธนาคารแม่ ล่าสุดเปิดสำนักงานในซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนมกราคม 2568 และเตรียมตั้งทีมงานประจำในประเทศ รวมถึงแผนตั้งกองทุนซาอุโดยเฉพาะเพื่อจับโอกาสการลงทุนภายในภูมิภาค
ความเคลื่อนไหวนี้ต่อยอดจากกลยุทธ์ดิจิทัลแอสเซ็ตของ Standard Chartered ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเทรด Spot Bitcoin และ Ethereum ผ่านสาขาอังกฤษเมื่อต้นปี การพัฒนาแพลตฟอร์มโทเคนไนซ์ Libeara ที่ใช้บล็อกเชนเป็นแกนหลัก และความร่วมมือกับ OKX เพื่อใช้คริปโตและกองทุนตลาดเงินโทเคนเป็นหลักประกัน
นอกจากนี้ สาขาฮ่องกงยังจับมือ Animoca Brands และ HKT ออกสเตเบิลคอยน์ที่มี HKD หนุนหลังภายใต้กรอบกำกับของ HKMA เพื่อผลักดันการชำระเงินดิจิทัล ขณะเดียวกัน SC ก็ได้รับใบอนุญาตจากลักเซมเบิร์กเพื่อให้บริการคริปโตคัสโตดี้ภายใต้กฎ MiCA ของ EU หลังจากเปิดบริการคัสโตดี้ในดูไบไปแล้ว
การประกาศตั้งกองทุนดิจิทัลครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกากำลังคึกคักด้านฟินเทคและคริปโต เช่น Binance ได้เงินลงทุนสเตเบิลคอยน์ 2 พันล้านดอลลาร์จาก MGX ในอาบูดาบี หรือธนาคารกลางซาอุฯ ที่เข้าซื้อหุ้น Strategy มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลทางอ้อม
ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Magnitt ระบุว่า สตาร์ทอัพฟินเทคในภูมิภาค MENA ระดมทุนได้กว่า 274 ล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก 2568 โดยซาอุดีอาระเบียครองสัดส่วนสูงสุด เน้นหนักที่โซลูชันการชำระเงิน การปล่อยกู้ และประกันภัย อีกทั้งรัฐบาลซาอุฯ ตั้งเป้ามีบริษัทฟินเทคมากกว่า 500 รายภายในปี 2573 จากที่ปัจจุบันยังไม่ถึง 300 ราย
งาน Money 20/20 ที่ริยาดครั้งนี้ยังเป็นเวทีเปิดตัวดีลใหญ่หลายรายการ เช่น Hala ผู้ให้บริการชำระเงินระดมทุน 157 ล้านดอลลาร์ จาก TPG และ Sanabil, Tamara ผู้ให้บริการ BNPL ได้สินเชื่ออิงสินทรัพย์กว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์จาก Goldman Sachs และ Citigroup รวมถึงความร่วมมือของ STV กับ Wamid ในการเปิดแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์เอกชนแห่งแรกของซาอุฯ
ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกก็เร่งเข้าตลาดซาอุฯ ไม่ว่าจะเป็น Google ที่นำ Google Pay และ Wallet เข้าให้บริการผ่าน Al Rajhi Bank และ Riyad Bank หรือ inDrive ที่ประกาศเริ่มให้บริการเรียกรถภายในเดือนนี้
ในมุมแอฟริกา Blockchain.com เปิดสำนักงานคริปโตนานาชาติแห่งแรกในไนจีเรีย พร้อมแผนบุกกานา เคนยา และแอฟริกาใต้ ขณะที่ Ripple จับมือ Chipper Cash เพื่อพัฒนาระบบโอนข้ามประเทศต้นทุนต่ำใน 9 ประเทศ และ Coinbase ร่วมกับ Yellow Card ขยายการเข้าถึงสเตเบิลคอยน์ใน 20 ประเทศ ตอกย้ำบทบาททวีปแอฟริกาในฐานะจุดยุทธศาสตร์การเติบโตของคริปโตโลก