บล.กสิกรไทย คาด PTT จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.80 บาทต่อหุ้น สิ้นเดือนนี้ ส่วนทั้งปี68 ประเมินที่ 2.1 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 6.7% คาดมีโอกาสจ่ายสูงขึ้น หวังสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้ผู้ถือหุ้น ขณะที่คาดได้พันธมิตรกลยุทธ์สิ้นปีนี้ และเตรียมแปลงสินทรัพย์ บ. ในเครือกลุ่มปิโตรฯ และโรงกลั่นเป็นเงิน เชียร์ซื้อ หุ้น TOP - PTTGC - GSPC
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า สิ้นเดือน ก.ย. นี้ คาดว่า บมจ. ปตท. (PTT )จะประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.8 บาท/หุ้น และคงคาดการณ์เงินปันผลของ PTT ในปี 2568 ที่ 2.1 บาท/หุ้น ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือทรงตัว YoY โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 6.7%
อย่างไรก็ตาม มองว่ามีโอกาสที่การจ่ายเงินปันผลจะสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศบางส่วนได้ขอให้ PTT เพิ่มอัตราตอบแทนเงินปันผลเป็น 8-9% ต่อปี เพื่อให้ PTT กลายเป็นหุ้นปันผลอย่างแท้จริง
ขณะที่บริหาร PTT ระบุว่าบริษัทฯตั้งใจที่จะสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว หลังจาก ล่าสุด บล.กสิกรได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานของ PTT ที่จ. ระยอง
เคาะพันธมิตรใหม่สิ้นปีนี้ พร้อมแปลงสินทรัพย์เป็นเงินของกลุ่มธุรกิจ
นอกจากนี้ PTT จะสรุปรายชื่อพันธมิตรเชิงกลยุทธ์รายใหม่ภายในสิ้นปี 68 โดยธุรกรรมดังกล่าวน่าจะเป็นการออกหุ้นสามัญใหม่โดยบริษัทย่อยในกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น (P&R) ซึ่ง PTT ตั้งใจจะลดสัดส่วนการถือหุ้น แต่จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่
ดังนั้น PTT จะไม่มีการปรับมูลค่ายุติธรรมจากธุรกรรมดังกล่าว (ไม่มีกำไร/ผลขาดทุนพิเศษในงบกำไร/ขาดทุน) โดยการเพิ่มทุนดังกล่าวจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทย่อยเหล่านี้ และ PTT จะทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อในกิจกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินของบริษัทในเครือปิโตรเคมีและโรงกลั่น
ส่วน GPSC กำลังประเมินดีลการแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน 2 รายการหลัก โดย GPSC กำลังพิจารณาการเข้าซื้อหุ้นบางส่วนในโรงไฟฟ้า SPP (captive) จาก PTTGC และ TOP ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 700MW แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของธุรกรรมเหล่านี้ โดยธุรกรรมนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 69 นอกจากนี้ GPSC กำลังศึกษาการลงทุนในศูนย์ข้อมูล (data center) เพื่อตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายในการลงทุนของผู้ประกอบการระดับไฮเปอร์สเกล
เชียร์ TOP - PTTGC - GSPC ให้เป้า 36.50 - 30.20 และ 41.50 บ.
อย่างไรก็ดี ยังคงเลือก TOP เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มพลังงานจากผลผลิตน้ำมันดีเซลที่ค่อนข้างสูง มีความคืบหน้าของโครงการ CFP และ upside จากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน โดยแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท
ขณะที่สำหรับกลุ่มปิโตรเคมี เราชอบ PTTGC เนื่องจากมีโอกาสปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้นจากการพิจารณาปิดกำลังการผลิตต้นทุนสูงอย่างต่อเนื่อง และ upside จากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน โดยแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 30.20 บาท
และ GSPC สำหรับผู้ประกอบการไฟฟ้า SPP ภายใต้แนวโน้มราคาพลังงานโลกที่ลดลง ซึ่ง GPSC จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากราคา LNG และถ่านหินที่ปรับตัวลดลง โดยแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 41.50 บาท