บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(TRUE) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 4 ชุด อายุระหว่าง 4 ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [2.60 – 3.55]% ต่อปี และอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบีไทย ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้พิสูจน์ศักยภาพในฐานะบริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีชั้นนำของไทย ด้วยการรายงานผลกำไรสุทธิต่อเนื่องในสองไตรมาสแรกของปี 2568 โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิหลังปรับปรุง (Normalized Net Profit) อยู่ที่ 8,520 ล้านบาท สะท้อนการบริหารต้นทุนและการสร้างรายได้ที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน EBITDA เติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและวินัยทางการเงินที่ชัดเจน ซึ่งช่วยเสริมฐานะทางการเงินและความสามารถในการลงทุนระยะยาว สอดรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจในตลาดโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ปัจจุบันทรูยังครองความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์จากการประมูลคลื่นความถี่ ส่งผลให้เป็นผู้นำที่มีคลื่นความถี่ที่ครอบคลุมและครบมากที่สุดในไทยถึง 8 คลื่นความถี่ ทั้งคลื่นความถี่ต่ำ กลางและสูง ถือเป็นการเสริมศักยภาพของทรู พร้อมรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี 5G AI IoT และนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ยกระดับคุณภาพโครงข่ายเพื่อให้บริการลูกค้าทั่วประเทศให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด สร้างรากฐานด้านการสื่อสารของประเทศให้ก้าวทันโลกดิจิทัล
ทั้งนี้ บริษัทและหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาด (market position) ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย
ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา และตลาดมีการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมที่เหลือของปีนี้ ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนระยะยาวผ่านการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” หุ้นกู้ของทรูจึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่โดดเด่น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงควบคู่กับผลตอบแทนสม่ำเสมอ ในสภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง
หุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) จำนวน 4 ชุด โดยมีอายุหุ้นกู้ให้เลือกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 10 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะกลาง และระยะยาว โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ชำระดอกเบี้ยคงที่ทุก ๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งบริษัทฯ หวังว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียดดังนี้
1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.60 – 2.80]% ต่อปี
2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.95 – 3.10]% ต่อปี
3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.15 – 3.35]% ต่อปี
4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.35 – 3.55]% ต่อปี และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง