xs
xsm
sm
md
lg

กองบังคับการปราบปรามฯเผยยอดเสียหายภัยไซเบอร์6หมื่นล้าน-เคทีซีแนะ5ทางรอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เคทีซีจับมือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมเสวนา KTC FIT Talk รู้ทันภัยไซเบอร์ ปกป้องตัวตนและเงินในโลกดิจิทัล" เผยตัวเลขคนไทยถูกหลอกตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 6 หมื่นล้านบาท แต่แนวโน้มแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงลดลง 20-30% เห็นชัดหลังมีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิด 5 ข้อรอดพ้นภัยไซเบอร์

พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามฯ สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กล่าวว่า มูลค่าความเสียหายจากภัยไซเบอร์นับจากต้นปีนี้จนถึงปัจจุบันมีมูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นหลอกลงทุนกว่า 50% โดยเฉพาะวัยเกษียณ แต่ปีนี้มีบางช่วงที่ลดลงบ้างในช่วงมีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงส่งผลให้มีแนวโน้มเริ่มลดลง 20-30% เพราะแรงงานกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ เช่นเดียวกับแรงงานไทยที่ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดินทางกลับมาในไทยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ การรับมือกับภัยออนไลน์ต้องอาศัยความร่วมมือแบบบูรณาการ ในส่วนของภาครัฐ อย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังเร่งผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์ ขณะที่สถาบันการเงินก็เริ่มแชร์รูปแบบของภัยทุจริตต่างๆ (Fraud Trend) ร่วมกันผ่านสมาคมธนาคารไทย และกลุ่มคณะทำงานป้องกันการทุจริต (Fraud Working Group-FWG) ส่วนภาคเอกชนด้านเทคโนโลยี เช่น ผู้ให้บริการโทรคมนาคมหรือแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดีย ได้เข้ามามีบทบาทในการสกัดกั้นเบอร์มิจฉาชีพและเว็บไซต์ปลอม
และการสื่อสารความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ก็จะช่วยสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแรง และทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงเหยื่อได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทาย คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลยังไม่เป็นระบบกลาง 100% และการตอบสนองต่อภัยใหม่ๆ ยังต้องใช้เวลาประสานงานหลายฝ่าย

"คดีอาชญากรรมออนไลน์ในปัจจุบันมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การหลอกลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงล่อใจ การปลอมแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนของจริง ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีเอไอ การสร้างเสียงหรือวิดีโอปลอมเพื่อหลอกให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่รู้จัก ส่งผลให้มีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกเพศ ทุกวัยและทุกอาชีพ โดยจากข้อมูลเชิงสถิติพบว่าช่วงอายุ 25-40 ปี ประสบภัยไซเบอร์มากที่สุด 70% เป็นผู้หญิงกว่า 60% โดยช่องทางออนไลน์ที่ถูกมิจฉาชีพเข้าสวมรอยหรือแทรกแซงในธุรกรรมการเงินมากที่สุด คือ โซเชียลมีเดีย 80%"

นายไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานควบคุมงานปฏิบัติการและปฏิบัติการร้านค้า เคทีซี กล่าวว่า ภัยการเงินที่พบมากในอดีตคือการขโมยบัตรเครดิตหรือหมายเลขบัตร ต่อมาพัฒนาเป็นฟิชชิ่ง ผ่านอีเมลและเอสเอ็มเอส ที่แนบลิงก์หลอกลวง โดยข้อมูลล่าสุดพบว่ากว่า 86% ของความเสียหายจากภัยไซเบอร์มาจากข้อมูล เช่น ข้อมูลบัตรถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมที่ต่างประเทศ ขณะที่กลโกงแบบเดิมอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือเอสเอ็มเอส ปลอมก็ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยหลอกเหยื่อให้โอนเงินเข้าบัญชี รวมไปถึงการหลอกลวงให้มีการลงทุน ผ่านการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและธนาคาร จุดที่น่าห่วงที่สุดคือ ข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภค โดยเฉพาะรหัสโอทีพี กำลังกลายเป็นอาวุธสำคัญของมิจฉาชีพ

นายนพรัตน์ สุริยา ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายป้องกันทุจริตบัตรเครดิตและร้านค้า บริษัท บัตรกรุงไทย (เคทีซี) กล่าวว่า เคทีซีได้ทำงานใกล้ชิดกับกองบังคับการปราบปรามฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยล่าสุดได้ร่วมแจ้งเบาะแสเพื่อสกัดกั้นการกระทำอันทุจริตของแก๊งปลอมบัตรเครดิต เพื่อยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสมาชิกและสังคมโดยสิ่งที่อยากฝากถึงสังคมคือ ครอบครัวควรมีบทบาทร่วมกันในการช่วยดูแลธุรกรรมของผู้สูงวัย ซึ่งมีความเปราะบางและมักตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ

สำหรับข้อแนะนำ 1.ควรหมั่นพูดคุยให้คำแนะนำด้านความปลอดภัย 2.ตรวจสอบข้อความเอสเอ็มเอส หรือการแจ้งเตือนธุรกรรมอย่างสม่ำเสมอ 3.ตั้งวงเงินจำกัดในการใช้บัตรเพื่อป้องกันความเสียหาย 4.ติดตั้งแอปฯ ที่ช่วยกรองเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นสแปม เช่น ฮูส์คอลล์ และ 5.อัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ผู้สูงวัยรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น