xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.10-จับตาแนวรับสำคัญ 32.00-การจัดตั้งรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 31.85-32.45 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.00-32.20 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ที่(8ก.ย.68) 32.10 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.18 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง เข้าใกล้โซนแนวรับสำคัญ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.02-32.20 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ (สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ) ซึ่งมาพร้อมกับการปรับตัวขึ้น ของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ออกมาน่าผิดหวัง โดยยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เพิ่มขึ้นเพียง 2.2 หมื่นตำแหน่ง แย่กว่าที่ตลาดคาด 7.5 หมื่นตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า แนวโน้มการชะลอตัวต่อเนื่องของตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะยิ่งหนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 75% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้ง ในปีหน้า

พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า มีโอกาสที่เฟดจำเป็นต้องเร่งลดดอกเบี้ย 50bps ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์เริ่มรีบาวด์สูงขึ้น ส่วนราคาทองคำก็ชะลอการปรับตัวขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสและญี่ปุ่น ซึ่งกดดันทั้งเงินยูโร (EUR) และ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก หนุนให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด กดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ พร้อมติดตามสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและไทยอย่างใกล้ชิด

สำหรับแนวโน้มเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทอาจกลับไปอ่อนค่าต่อเนื่องอย่างชัดเจน “ยาก” หลังผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยก็ดูคลี่คลายลงบ้าง ลดความเสี่ยงที่จะเห็นแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติที่รุนแรง

อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk โดยเรามองว่า ยังมีโอกาสที่เงินบาทอาจอ่อนค่าลงบ้าง หรืออย่างน้อยการแข็งค่าขึ้นขอเงินบาทก็ควรชะลอลง หลังผู้เล่นในตลาดได้ปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมาพอสมควร โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสราว 75% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ทำให้ หากอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อาจรีบาวด์ขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากการอ่อนค่าของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสและญี่ปุ่นในระยะสั้น

อนึ่ง เรามองว่า ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ (XAUUSD) และเงินหยวนจีน (CNY) อย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเคลื่อนไหวของทั้งสองสินทรัพย์อาจส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้พอสมควร

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า แม้เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญ Two-way risk แต่ เงินดอลลาร์อาจรีบาวด์ขึ้น หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ เร่งตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง ขณะเดียวกัน ความวุ่นวายของสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสและญี่ปุ่น อาจกดดันบรรดาสกุลเงินหลักได้
กำลังโหลดความคิดเห็น