ลีอ็อกวอน (Lee Eok-won) ว่าที่ประธานคณะกรรมการกำกับบริการทางการเงิน (FSC) ของเกาหลีใต้ ถูกสภาฯ และสื่อกระหน่ำตรวจสอบหนัก หลังพบถือหุ้นบริษัทสหรัฐฯ ที่เชื่อมโยงคริปโต รวมถึง NVIDIA และ Tesla ขัดนโยบายรัฐบาลที่ผลักดันตลาดหุ้นในประเทศ ขณะเดียวกันยังแสดงท่าทีเชิงลบต่อคริปโต โดยมองว่า “ไร้มูลค่าในตัวเอง” จุดชนวนเสียงวิจารณ์ว่าเป็นมุมมองล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับกระแสโลกที่บริษัทยักษ์ใหญ่ใช้บิทคอยน์เป็นทุนสำรอง
ศึกสอบคุณสมบัติ ว่าที่หัวเรือใหญ่ ก.ล.ต.
ลีอ็อกวอน อดีตรองปลัดกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ผู้ถูกเสนอชื่อขึ้นนั่งเก้าอี้ประธาน FSC องค์กรกำกับการเงินสูงสุดของเกาหลีใต้ ตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักในการไต่สวนยืนยันตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน หลังมีการเปิดเผยว่า เขาถือครองพอร์ตหุ้นต่างประเทศมูลค่ารวมกว่า 71.26 ล้านวอน (ราว 5.1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ) โดยเฉพาะการลงทุนเกือบ 8,000 ดอลลาร์ในหุ้น Strategy บริษัทสหรัฐฯ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “คลังบิทคอยน์” ใหญ่ที่สุดในโลก
การถือครองหุ้นดังกล่าวถูกมองว่า “สวนทาง” กับนโยบายของประธานาธิบดี อีแจ-มยอง (Lee Jae-myung) ที่ต้องการชุบชีวิตตลาดหุ้นในประเทศ พร้อมตั้งเป้าผลักดันดัชนี KOSPI แตะ 5,000 จุด ผ่านคณะทำงานพิเศษที่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ฝ่ายค้านซัดแรง “ไม่สมศักดิ์ศรีรัฐบาล KOSPI 5,000”
คิมซังฮุน ส.ส.พรรค People Power Party โจมตีรัฐบาลว่า การเสนอชื่อลีอ็อกวอนเป็นสัญญาณย้อนแย้งต่อเป้าหมายการยกระดับตลาดทุน เขาย้ำว่า “ใครจะเลือกลงทุนใน KOSPI หากว่าที่ประธาน ก.ล.ต. กลับหันไปเทน้ำหนักกับหุ้นสหรัฐฯ แทน?” พร้อมชี้ว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ “ไม่สวยงาม” สำหรับรัฐบาลชุดนี้ที่ประกาศจะผลักดัน KOSPI สู่ 5,000 จุด
ทัศนะด้านคริปโต จุดชนวนเสียงวิจารณ์
นอกจากปมถือหุ้นต่างชาติ ลีอ็อกวอนยังถูกโจมตีหนักจากมุมมองเชิงลบต่อคริปโต โดยเจ้าตัวยืนยันว่า บิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ “ไร้มูลค่าในตัวเอง” ไม่อาจจัดเป็นสกุลเงินหรือผลิตภัณฑ์การเงินได้ พร้อมปฏิเสธแนวคิดที่ว่า รัฐบาลและกองทุนบำนาญควรใช้บิทคอยน์เป็นทุนสำรองเชิงกลยุทธ์
ท่าทีนี้ถูกผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการคริปโตในประเทศประณามว่า “ล้าสมัย” และ “ไม่ทันโลก” โดยชี้ว่าเป็นวาทกรรมแบบเดียวกับที่หน่วยงานกำกับเคยใช้สกัดบิทคอยน์ในยุคบูมปี 2560 - 2561 ทั้งที่ปัจจุบันบริษัทมหาชนระดับโลกหันมาใช้คริปโตเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์แล้วอย่างชัดเจน
เสียงสะท้อนจากวงการ: “ความคิดไม่ทันสมัย”
สื่อ News1 รายงานว่า บุคลากรในวงการคริปโตต่างเห็นตรงกันว่า มุมมองของลีอ็อกวอน “ล้าหลัง” เมื่อเทียบกับกระแสโลก หนึ่งในผู้ให้สัมภาษณ์ระบุว่า “การอ้างว่าคริปโตไร้มูลค่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม เพราะบิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลมีคุณค่าด้านความปลอดภัย การโอน และถูกใช้จริงโดยบริษัทระดับโลก”
ในประเด็น Bitcoin ETF เจ้าตัวยังไม่ให้คำมั่นชัดเจน โดยระบุเพียงว่า “เข้าใจถึงทั้งความคาดหวังและความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการเปิดตัว Bitcoin spot ETF” และย้ำว่าจะประเมินตามทิศทางกฎเกณฑ์ระดับโลก ก่อนหารือร่วมกับสภาฯ
สั่นคลอนเส้นทางอำนาจที่ถูกจับตา
กรณีของลีอ็อกวอนสะท้อนโจทย์ซับซ้อนของเกาหลีใต้ ที่ต้องการทั้งปฏิรูปตลาดทุนในประเทศและกำหนดท่าทีที่ชัดเจนต่อคริปโต การที่ว่าที่ประธาน FSC ถูกจับผิดทั้งพอร์ตหุ้นต่างชาติและมุมมองด้านคริปโต ทำให้ความน่าเชื่อถือของสถาบันกำกับถูกตั้งคำถามอย่างหนัก หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบาย KOSPI 5,000 แต่ผู้บริหารสูงสุดด้านการเงินกลับแสดงท่าที “สวนทาง” อาจสร้างแรงกดดันทั้งการเมืองและเศรษฐกิจให้ปะทุรุนแรงยิ่งขึ้นในระยะยาว