xs
xsm
sm
md
lg

คลังคาด ศก.ไทยอาจโตกว่า 2.2% จากแรงส่งครึ่งปีแรกที่เติบโตดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คลังปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีไทยปีนี้เติบโตที่ 2.2% และอาจจะโตมากกว่านี้ได้ หลังจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ส่งผลให้ไทยถูกเก็บภาษีนำเข้า 19% อีกทั้งตัวเลขหนี้สาธารณะไทยยังต่ำ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่ หากสถานณ์จำเป็น รัฐบาลก็อาจจะมีมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงาน Thailand Focus 2025 ว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้เติบโตในระดับปานกลาง ท่ามกลางผลกระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาโลกร้อน การเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และกระแสพลังงานงานสะอาด อีกทั้งความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรกลายเป็นตัวแปรทางเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญ เรากำลังเตรียมความพร้อมผ่านการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน การบริหารจัดการน้ำ และโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น เพื่อให้การเติบโตสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

ขณะที่การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย และประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ที่ดีขึ้นผ่านประตูการค้าและระเบียงเศรษฐกิจที่สำคัญ

สำหรับการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในขณะที่กลุ่มตลาดระดับพรีเมียม เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์ กีฬา และ MICE กำลังขยายตัว และสนับสนุนการจ้างงานในภาคบริการทั่วทุกภูมิภาค
ในขณะที่เศรษฐกิจไทยปรับตัวไปกับกระแสโลก เศรษฐกิจในประเทศมีความเข้มแข็งและสามารถเผชิญกับความท้าทายได้ โดยเศรษฐกิจในครี่งปีแรกเติบโตได้ดี 3% ความท้าทายคือ การรักษาโมเมนตัมของการเติบโตในช่วงครึ่งแรกให้ยั่งยืน
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังได้ปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีเป็นเติบโตที่ 2.2% ในปีนี้ และอาจจะโตมากกว่านี้ได้ หลังจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ไทยถูกเก็บภาษีนำเข้า 19% ซึ่งถือเป็นดีลที่ดีกว่าหากเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค สินค้าไทยจำนวนมากมีโอกาสที่จะถูกเก็บภาษีในอัตราต่ำมากกว่า เพราะมีสัดส่วนการผลิตในประเทศมากกว่าหลายประเทศคู่แข่ง นายภูมิธรรมอ้างถึง ระบบภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่จะเก็บภาษีสินค้าที่ถูกสวมสิทธิสูงกว่าภาษีสำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศคู่ค้า ประกอบกับตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอที่สูงเป็นประวัติการณ์ในครี่งปีแรก

"อัตราภาษีที่ออกมา ไทยเราได้ดีกว่าหลายประเทศ เมื่อดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ผู้ส่งออกเราได้ผลดี ซี่งตัวเลขส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก รวมทั้งแบงก์ชาติก็ลดดอกเบี้ย ส่งผลเม็ดเงินไหลเข้าระบบมากขึ้น และ FDI หรือตัวเลขการลงทุนดีขึ้นมาก "
ดร. เผ่าภูมิกล่าว

นอกจากนี้รัฐบาลยังทำนโยบายปฏิรูปภาคตลาดทุนและตลาดการเงิน มีการออกผลิตภัณฑ์ทางการออกเงินระยะยาว กองทุน ThaiESGX พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน พันธบัตรสีเขียว หรือ Green Bond

ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค ซึ่งคาดว่า พระราชบัญญัติจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในเร็วๆนี้

นายเผ่าภูมิยังย้ำว่าพื้นที่ทางการคลังยังคงมีอยู่ เพราะหนี้สาธารณะไทยยังต่ำ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่ หากสถานณ์จำเป็น รัฐบาลก็อาจจะมีมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกหลังจากที่ออกแพจเก็จการคลังมูลค่า 1.5 แสนล้านบาทไปแล้ว ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีช่องที่จะลดดอกเบี้ยได้อีก ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายการเงินจะพิจารณา


กำลังโหลดความคิดเห็น