xs
xsm
sm
md
lg

ฟิลิปปินส์เสนอร่างกม.ทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งเป้าแบงก์ชาติถือบิตคอยน์10,000BTC2ทศวรรษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ส.ส.ฟิลิปปินส์เสนอร่างกฎหมายจัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์ที่จะมีการซื้อบิตคอยน์สะสม 10,000 BTC และถือครองยาว 20 ปี
สภาฟิลิปปินส์เสนอร่างกฎหมายใหม่ที่อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนในโลกคริปโต รวมทั้งทำให้แดนตากาล็อกกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทุนสำรองบิตคอยน์มากที่สุดในเอเชีย ด้วยการกำหนดให้แบงก์ชาติซื้อคริปโตสกุลนี้ปีละ 2,000 BTC เป็นเวลา 5 ปี และถือครองไว้อย่างน้อย 2 ทศวรรษ

ร่างกฎหมายนี้ที่มิกซ์ วิลลาเฟอร์เต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากจังหวัดคามารีเนสซูร์ เสนอตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วหลังจากมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดให้ Banko Sentral ng Pilipinas (BSP) หรือธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ซื้อบิตคอยน์ปีละ 2,000 BTC เป็นเวลา 5 ปี

ร่างกฎหมายทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์ฉบับนี้ต้องการให้ BSP ซื้อบิตคอยน์รวมทั้งสิ้น 10,000 BTC ซึ่งตามราคาปัจจุบันจะคิดเป็นมูลค่าราว 1,100 ล้านดอลลาร์ และเก็บรักษาไว้ในทรัสต์อย่างน้อย 20 ปี โดยที่ในช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลจะไม่สามารถขาย เทรด หรือใช้บิตคอยน์ได้ เว้นแต่เพื่อชำระหนี้ของประเทศ และหลังครบ 20 ปี สามารถขายได้แค่ 10% ทุก 2 ปี

นอกจากนั้น ผู้ว่าการแบงก์ชาติยังต้องร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในการจัดการทุนสำรองบิตคอยน์

ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดให้ BSP เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับจำนวนบิตคอย์ที่ถือครองทุกไตรมาส ขณะที่ผู้ตรวจสอบอิสระสามารถตรวจสอบรายงานพิสูจน์เงินสำรองและเผยแพร่ต่อสาธารณชนทางออนไลน์ เพื่อสร้างความไว้วางใจและป้องกันการนำทุนสำรองนี้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

วิลลาเฟอร์เตอธิบายว่า ร่างกฎหมายนี้มีความสำคัญเนื่องจากการสำรองสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ เช่น บิตคอยน์ จะช่วยส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ อาทิ การสร้างเสถียรภาพทางการเงิน ฯลฯ นอกจากนั้นคองเกรสส์ยังจำเป็นต้องร่างกฎหมายใหม่ๆ เพื่อรองรับการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ของประเทศเพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงทางการเงิน

ส.ส.ฟิลิปปินส์ผู้นี้ชี้ว่า บิตคอยน์คือทองคำดิจิทัล โดยอ้างอิงอัตราเติบโตปีละ 40% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และการทำสถิติสูงสุดตลอดกาลเมื่อเร็วๆ นี้ เขาเสริมว่า ฟิลิปปินส์ควรเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการที่คริปโตมีบทบาทมากขึ้นในตลาดโลก โดยยกตัวอย่างเอลซัลวาดอร์และประเทศอื่นๆ ที่ลงมือสำรวจและดำเนินการกลยุทธ์การสำรองบิตคอยน์แล้ว

ทั้งนี้ หากร่างกฎหมายการสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์ผ่านการอนุมัติ อาจทำให้ฟิลิปปินส์ถือครองบิตคอยน์มากกว่าเอลซัลวาดอร์ และเกือบเท่ากับภูฏาน โดยขณะนี้เอลซัลวาดอร์ที่ซื้อบิตคอยน์ทุกวัน ถือครองคริปโตสกุลนี้ทั้งสิ้น 6,276 BTC หรือประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ข้อมูลจากอาร์คัม อินเทลลิเจนซ์ระบุว่า ภูฏานถือครองบิตคอยน์ 10,565 BTC หรือเกือบ 1,200 ล้านดอลลาร์

เฉพาะในเอเชียนอกจากภูฏานแล้ว ยังมีปากีสถานที่ประกาศแผนจัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์แห่งชาติ

ปัจจุบัน 11 ประเทศทั่วโลกถือครองบิตคอยน์รวมกันเป็นจำนวนทั้งสิ้น 480,196 BTC หรือ 2.29% ของจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมดที่มีอยู่ ประเทศที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดคืออเมริกา 198,022 BTC (22,900 ล้านดอลลาร์) ตามด้วยจีน 190,000 BTC (22,000 ล้านดอลลาร์)
พอล โซลิแมน ซีอีโอบายานิเชน บริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านบล็อกเชนของฟิลิปปินส์ ชี้ว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นการดำเนินการที่กล้าหาญเนื่องจากมีการปฏิบัติต่อบิตคอยน์ในรูปสินทรัพย์ที่สามารถเก็บรักษามูลค่าอย่างแท้จริงในระยะยาว และเสริมว่า ทุนสำรองบิตคอยน์ต่างจากทุนสำรองดั้งเดิมตรงที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ถ้ารัฐบาลเปิดเผยข้อมูลวอลเล็ต

โซลิแมนยังบอกว่า ความโปร่งใสในระดับดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในแวดวงการเงิน และอาจสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวน การนำเงินภาษีมาใช้ และความไม่เท่าเทียมของระดับความรู้ทางการเงินของประชาชน

กระนั้น เขาหวังว่า การกำกับดูแลที่ชัดเจน กลยุทธ์การซื้ออย่างชาญฉลาด และการลงทุนด้านการศึกษาไปพร้อมกัน จะทำให้ทุนสำรองบิตคอยน์ไม่ได้เป็นแค่กองทุนป้องกันความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรับผิดชอบและหลักประกันสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป
กำลังโหลดความคิดเห็น