VanEck เดินหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลมั่นใจเป้าหมายบิทคอยน์สิ้นปี 180,000 ดอลลาร์ แม้ตลาดเผชิญแรงเหวี่ยงและการเก็งกำไรผสมผสาน ขณะที่อัตรา CME Basis พุ่งแตะ 9% สูงสุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2568 สะท้อนแรงซื้อสถาบันยังทรงพลัง ด้านตลาดอนุพันธ์–ออปชันคึกคัก ค่า Implied Volatility ถูกกดต่ำสุดในรอบปี ส่งสัญญาณการเก็งกำไรเข้มข้นท่ามกลางความผันผวนที่บีบตัวลง
VanEck มั่นใจเป้า 180,000 ดอลลาร์
VanEck บริษัทการลงทุนยืนยันเป้าหมายราคาบิทคอยน์สิ้นปีที่ 180,000 ดอลลาร์ แม้ตลาดมีแรงแกว่งผันผวน โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่า อัตรา CME Basis พุ่งขึ้น 9% สูงสุดตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2568 สะท้อนแรงเก็งกำไรในตลาดอนุพันธ์กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
บิทคอยน์ฟื้นขึ้นแตะ 124,000 ดอลลาร์เมื่อ 13 ส.ค. หลังร่วงลงไปถึง 112,000 ดอลลาร์ต้นเดือน ก่อนทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือกรกฎาคมที่ 123,838 ดอลลาร์ ล่าสุดซื้อขายใกล้ 115,000 ดอลลาร์ ลดลงราว 8% จากจุดสูงสุดใหม่
สถาบันจุดไฟ–อนุพันธ์โหมแรง
VanEck เปิดเผยว่า ความต้องการจากสถาบันยังแข็งแรง เดือนกรกฎาคมกองทุน ETP ซื้อกว่า 54,000 BTC และกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มอีก 72,000 BTC หนุนภาพรวมตลาดบวกต่อเนื่อง
ตลาดอนุพันธ์ส่งสัญญาณสะท้อนแรงเก็งกำไรอย่างชัดเจน ได้แก่
1.อัตรา Call/Put พุ่งแตะ 3.21 เท่า สูงสุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2567
2.นักลงทุนทุ่มกว่า 792 ล้านดอลลาร์ ซื้อ Call Option
3.ค่า Implied Volatility ลดลงเหลือ 32% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 1 ปีที่ 50% ทำให้ออปชันถูกลงอย่างมาก
4.สัญญา Call ระยะ 1 ปี นอกเงิน 25% ปัจจุบันมีค่าเพียง 6% ของราคา Spot เทียบกับ 18% ในปลายปี 2567
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาบิทคอยน์พุ่งแรง ดัชนีหุ้นนักขุด 13 บริษัท กลับร่วง 4% สวนทาง โดยนักขุดสหรัฐครองส่วนแบ่งแฮชเรตโลกสูงสุดใหม่ 31.5% จาก 29% เมื่อต้นปี
เสียงแตกเรื่อง ‘บิตคอยน์ล้านดอลลาร์’ ผู้บริหารคริปโตแถวหน้ายังคงเห็นต่าง
Brian Armstrong ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Coinbase) คาดบิทคอยน์แตะ 1 ล้านดอลลาร์ปี 2573 หนุนด้วยแรงผลักจากกฎเกณฑ์ชัดเจนและการยอมรับจากสถาบัน
ขณะที่ Leah Wald (SOL Strategies) มองว่าสิ้นปีนี้บิทคอยน์ที่สถิติปิดที่ 175,000 ดอลลาร์ ถือว่า “สมเหตุสมผล” เทียบกับเป้าสุดโต่งของ Wood และ Larry Fink
ขณะที่ Mike Novogratz (Galaxy Digital) ออกโรงเตือนราคาหลักล้านสะท้อน “การล่มสลายเศรษฐกิจสหรัฐ” มากกว่าความสำเร็จคริปโต ชี้ว่าราคาที่มั่นคงย่อมดีกว่าการพุ่งแรงจากวิกฤติค่าเงิน
ด้าน Fadi Aboualfa (Copper) คาดว่าราคาบิทคอยน์อาจแตะ 140,000 ดอลลาร์ ในเดือน ก.ย. และ 150,000 ดอลลาร์ ในเดือน ต.ค. แต่ย้ำว่ารอบนี้โตช้ากว่า เพราะขับเคลื่อนด้วยสถาบัน ไม่ใช่รายย่อย
ขณะที่ Preston Pysh (Ego Death Capital) ได้แสดงความกังวลว่าวอลล์สตรีทอาจใช้อนุพันธ์ควบคุมตลาด จนบิดเบือนคุณลักษณะ “ที่พักปลอดภัย” ของบิทคอยน์
Glassnode โต้ ‘วัฏจักรตาย’ – ชี้วงจร 4 ปียังอยู่
ท่ามกลางกระแสถกเถียง Glassnode ออกมุมมองวิเคราะห์ว่าวัฏจักรบิทคอยน์ 4 ปียังไม่ตาย เนื่องจาก
1.รอบปัจจุบันราคาคงอยู่เหนือจุดคุ้มทุนแล้ว 273 วัน ยาวนานเป็นอันดับสอง รองจากรอบปี 2558-2561 ที่ 335 วัน
2.ผู้ถือระยะยาวทำกำไรรวมสูงกว่าทุกรอบก่อนหน้า (ยกเว้นปี 2559–2560)
3.Open Interest ฟิวเจอร์สยังทรงตัวที่ 67,000 ล้านดอลลาร์
การปรับฐานล่าสุดทำให้การ Unwind มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ ติดอันดับใหญ่สุด 23 วันในประวัติศาสตร์ ด้านอีเธอเรียมก็พุ่งแรง ปริมาณ Perpetual Futures ครองสัดส่วน 67% สูงสุดเมื่อเทียบกับบิตคอยน์ แต่การ Liquidation Altcoin ทะลุ 303 ล้านดอลลาร์/วัน สูงกว่าฟิวเจอร์สบิทคอยน์ถึงสองเท่า
แนวโน้มทางเทคนิค จุดทดสอบหลักหมื่น
นักวิเคราะห์มองการย่อตัวรอบนี้เป็นการ “ปรับฐานเชิงกลยุทธ์” ไม่ใช่สัญญาณอ่อนแรง โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 100,000–110,000 ดอลลาร์ หากหลุด 112,000 ดอลลาร์ มีโอกาสไหลลงทดสอบ 110,000 และ 105,000 ดอลลาร์ แต่หากแรงซื้อสถาบันยังหนุน พร้อมดีมานด์จาก ETH และ BTC ที่ทำ ATH ใหม่ ก็อาจผลักดันราคาให้ทะลุระดับสูงสุดเดิมและเดินหน้าต่อ
อย่างไรก็ดีบิทคอยน์กำลังเดินบนเส้นทางที่สถาบันเข้ามามีบทบาทชัดเจนขึ้น แต่ความผันผวนยังคงเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าปลายปีราคาจะไปถึง 180,000 ดอลลาร์ ตามที่ VanEck คาดหรือไม่ สิ่งที่ชัดเจนคือ วัฏจักรคริปโตยังไม่จบ และทุกจังหวะคือการทดสอบใหม่ของตลาดการเงินดิจิทัล