นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(26ส.ค.68)ที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจนในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.40-32.51 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ในช่วงคืนที่ผ่านมานั้นออกมาดีกว่าคาด
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็เผชิญแรงกดดันและย่อตัวลง อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างในช่วงเช้าของฝั่งตลาดการเงินเอเชีย (ราว 7.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งปลด Lisa Cook ออกจากตำแหน่ง Board of Governor ของเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลต่อการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ กดดันให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลง หนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้น เข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้น
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ในเดือนกรกฎาคม รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) และดัชนีภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ ในเดือนสิงหาคม นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ความพยายามในการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟด โดยฝั่งการเมืองสหรัฐฯ หลังล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งปลด Lisa Cook ออกจากตำแหน่ง Board of Governor ของเฟด
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า แม้เงินบาทจะมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงคืนที่ผ่านมา ทว่า ภาพดังกล่าวได้เปลี่ยนไป หลังมีรายงานข่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งปลด Lisa Cook ออกจากตำแหน่ง Board of Governor ของเฟด (เป็นหนึ่งใน FOMC Voters) ซึ่งเราประเมินว่า ในช่วงระยะสั้น ประเด็นการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ นั้น อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีแนวโน้มสนับสนุนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น สอดคล้องกับความคาดหวังจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ แม้ว่าการออกคำสั่งปลดเจ้าหน้าที่เฟดดังกล่าว อาจมีการต่อสู้ในเชิงกฎหมายถึงชั้นศาลสูงสุด (Supreme Court) ก็ตาม ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในระยะสั้นได้ ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ และยอดการจ้างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ทำให้เรามองว่า เงินบาทอาจทยอยแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์) ได้ไม่ยาก ยิ่งหากราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจถูกชะลอลงได้บ้าง หากภาวะระมัดระวังตัวของตลาดการเงินในช่วงนี้ กอปรกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย กดดันให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือน เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสกุลเงินต่างประเทศ อย่าง เงินดอลลาร์จากบรรดาผู้นำเข้า
เราประเมินว่า หากเงินบาทจะกลับมาอ่อนค่าลงได้ชัดเจนอีกครั้ง อาจต้องรอรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงาน เพื่อรอลุ้นโอกาสที่ผู้เล่นในตลาดจะปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างชัดเจน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง การจ้างงานยังคงออกมาสดใสหรือดีกว่าคาด โดย หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following การอ่อนค่าอย่างชัดเจนของเงินบาททะลุโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ จะเพิ่มโอกาสที่เงินบาทกลับเข้าสู่แนวโน้มการอ่อนค่าลงอีกครั้ง