xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.43-ติดตามสถานการณ์การเมืองไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.00-32.75 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (25ส.ค.68)ที่ 32.43 บาทต่อดอลลาร์
“แข็งค่าขึ้นมาก”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.64 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.41-32.67 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งมาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นแรงของราคาทองคำ หลังผู้เล่นในตลาดต่างตีความถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงาน Jackson Hole Symposium ว่าอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าประธานเฟดพร้อมสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC เดือนกันยายน ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินโอกาสราว 17% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และมั่นใจว่า เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า (ตลาดเริ่มให้โอกาสราว 7% ที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 4 ครั้ง ในปีหน้า)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หลังรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดในงาน Jackson Hole Symposium กดดันให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงท้ายสัปดาห์

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรอลุ้นการวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร โดยศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทได้มีกำลังมากขึ้น ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หลังผู้เล่นในตลาดตีความถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ว่าอาจมีการส่งสัญญาณพร้อมสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของเฟด (โดยเฉพาะในการประชุม FOMC เดือนกันยายน) อย่างไรก็ดี เรากลับมองว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชี้ชัดต่อการลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดประเมินและตัวแปรสำคัญยังคงอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง การจ้างงานเดือนสิงหาคม ซึ่งจะรับรู้ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้ทั้งด้านอ่อนค่าและแข็งค่า) ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดซึ่งจะขึ้นกับ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด นับจากวันนี้ จนเข้าใกล้การประชุม FOMC เดือนกันยายน (รับรู้วันที่ 18 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย)

นอกเหนือจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เรายังคงมองว่า การเคลื่อนไหวของทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และราคาทองคำ จะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเงินบาทพอสมควร เนื่องจากในช่วงนี้ ทั้งสองสินทรัพย์ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทมาก นอกจากนี้ ควรติดตามสถานการณ์การเมืองไทย ที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงิน โดยความวุ่นวายของการเมืองไทย หลังรับรู้ผลการวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร โดยศาลรัฐธรรมนูญ อาจกระทบต่อฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติและสร้างความผันผวนให้กับเงินบาทได้ อนึ่ง ในกรณีที่เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาท (USDTHB) ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทมีการอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 32.65-32.70)

อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (หรืออ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน)

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นบ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ในกรณีที่ รายงายข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาสดใสและอัตราเงินเฟ้อ PCE ปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาด
กำลังโหลดความคิดเห็น