บิทคอยน์ ปิดเดือนสิงหาคมด้วยการทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 124,533 ดอลลาร์ ก่อนถอยลงมากว่า 6% ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะตลาดซบเซาตามฤดูกาล ขณะที่นักวิเคราะห์มองเดือนกันยายน หรือ “Sendtember” มักเป็นจุดต่ำสุดเชิงประวัติศาสตร์ของบิทคอยน์ และอาจเป็นจังหวะเร่งเครื่องสู่ “Uptober” ที่ตลาดคริปโตมักจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง การประชุมเฟดเดือนกันยายนจึงเป็นปัจจัยชี้ชะตาที่ตลาดทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด
สถิติใหม่-แรงขายกดดันปลายเดือนสิงหาคม
บิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด สร้างความประหลาดใจด้วยการไต่ระดับขึ้นทดสอบสถิติสูงสุดใหม่ที่ 124,533 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม แม้จะเป็นช่วงที่ตลาดการเงินโดยทั่วไปมักชะลอตัว แต่ข้อมูลจาก TradingView ระบุว่า Bitcoin ปรับตัวลง 2.07% ตลอดทั้งเดือน หลังจากทำสถิติใหม่ได้เพียงชั่วคราว
แรงขายที่ก่อตัวในสัปดาห์สุดท้าย กดราคาลงไปแตะ 112,344 ดอลลาร์ ก่อนดีดกลับขึ้นมาบริเวณ 113,315 ดอลลาร์ ณ เวลาที่รายงาน ซึ่งถือว่าร่วงลง 6.83% ในรอบสัปดาห์ การแกว่งตัวครั้งนี้สะท้อนถึงการพักฐาน หลังจากที่ Bitcoin ทำกำไรติดต่อกัน 4 เดือนนับตั้งแต่เมษายน
กันยายน เดือนแห่งจุดต่ำสุดเชิงประวัติศาสตร์
นักวิเคราะห์ชื่อดังซึ่งใช้นามแฝงว่า Kaleo ชี้ว่า เดือนกันยายนมักเป็น “หลุมพรางประจำปี” ของ Bitcoin โดยข้อมูลย้อนหลัง 5 ปีพบว่า 4 ปีในนั้น ราคามักร่วงแตะจุดต่ำสุดในรอบปี และสร้างผลตอบแทนติดลบเฉลี่ยราว 5% จนกลายเป็นเดือนที่อ่อนแอที่สุดตามสถิติ
Kaleo ยังระบุว่า “Sendtember เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับ Uptober” หมายความว่าการร่วงลงในเดือนกันยายน อาจเป็นเพียงการปูทางไปสู่การฟื้นตัวครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตใช้คำว่า “Uptober” สะท้อนการปรับตัวขึ้นแรงในเชิงประวัติศาสตร์
ไตรมาส 4 : ช่วงเวลาทองของ Bitcoin?
ข้อมูลย้อนหลังยังเผยว่า Bitcoin มักพลิกฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นในไตรมาส 4 โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 88% หลังการปรับฐานในเดือนสิงหาคมและกันยายน แนวโน้มนี้ทำให้ตลาดคาดหวังว่าไตรมาสสุดท้ายของปีอาจกลายเป็นช่วงเวลาที่ราคาขยับขึ้นแรงอีกครั้ง หากปัจจัยมหภาคเอื้ออำนวย
มอง เฟด เป็นตัวแปรสำคัญของเดือนกันยายน
นอกจากปัจจัยทางสถิติ นักลงทุนยังจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือนกันยายนนี้อย่างใกล้ชิด ความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นตัวเร่งให้กระแสเงินทุนไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง Bitcoin และตลาดคริปโตในภาพรวม
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของ Bitcoin ในเดือนสิงหาคมที่เพิ่งผ่านไป แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาดคริปโตเมื่อเข้าสู่ฤดูการซื้อขายที่ซบเซา แต่ประวัติศาสตร์ก็ชี้ชัดว่าหลัง “Sendtember” มักเป็นจุดกลับตัวของตลาด หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน เดือนตุลาคมอาจกลายเป็นเวทีของ “Uptober” อีกครั้ง นักลงทุนจึงต้องจับตาทั้งสถิติในอดีต และปัจจัยนโยบายการเงินโลกประกอบกันอย่างใกล้ชิด ว่า Bitcoin จะสามารถยืนยันภาพการฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายได้จริงหรือไม่