เมย์แบงก์ เผย ผลงานบจ. โค้ง2 ปีนี้ ได้ THAI-GULF หนุนกำไรโตดีเกินคาดถึง 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และโต 16% จากไตรมาสก่อน แต่หากตัดกำไร 2 บจ. จะเหลือโตแค่ 2% YoY ระบุกลุ่มที่ขยายตัวเด่นกว่าตลาดทั้ง QoQ - YoY ยกให้กลุ่มอาหาร วัสดุก่อสร้าง - ICT และกลุ่มไฟแนนซ์ แนะสะสมหุ้นเด่นกำไรยังขยายตัว
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายงานกำไรบริษัทจดทะเบียนใน SET Index (ไม่รวม PF&REIT) งวดไตรมาส 2/68 ข้อมูลถึงวันที่ 15 ส.ค.68 คิดเป็น 98% Market Cap ทำกำไรสุทธิได้ 3.27 แสนล้านบาท +16%QoQ และ +31%YoY
ทั้งนี้การขยายตัวสูงมาจากกำไร THAI ที่กลับมาจากแผนการฟื้นฟูมีกำไร 1.2 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 23%QoQ และ 3,860% YoY และ GULF ที่มีการควบรวมงบ INTUCH เข้ามาทำให้มีกำไรสุทธิสูงถึง 6.39 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 1084% QoQ และ 1247%YoY หากไม่รวมสองบริษัทนี้ กำไรสุทธิของตลาดจะอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท หดตัว -6%QoQ แต่ยังขยายตัวได้เล็กน้อย +2%YoY
ระบุ กลุ่มอาหาร-วัสดุฯ ICT-ไฟแนนซ์ กำไรโดดเด่น QoQ - YoY
ส่วนการหดตัว QoQ มาจากกลุ่มโรงกลั่นที่ (BCP IRPC BSRC SPRC)และกลุ่มปิโตรฯ ที่ขาดทุน (IVL PTTGC) จากรายการพิเศษ เช่น ขาดทุนสต็อกน้ำมันและ Hedging กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์-22% ส่วนหนึ่งจากค่าเงินบาทแข็งค่า กลุ่มค้าปลีก -17% ตามกำลังซื้อที่ลดลงและสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย กลุ่มท่องเที่ยว -16%YoY และ AOT -24% จากความเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวและปัจจัยทางฤดูกาล
การขยายตัว YoY จากกลุ่มวัสดุก่อสร้าง +190%YoY จาก SCC มีรายการพิเศษกลุ่ม ICT +64%YoY จากการขยายตัวของทั้ง TRUE และ ADVANC กลุ่มอาหาร +31%YoY จากกลุ่มเนื้อสัตว์ได้ประโยชน์จากราคาหมูยืนสูงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ต่ำลงจาก CPF BTG TFG กลุ่มการเงินทั้งธนาคาร +6%YoY จากบันทึกกำไรเงินลงทุนและตั้งสำรองลดลง กลุ่มไฟแนนซ์+21%YoY จากการเติบโต NII และการต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง
ทั้งนี้ กลุ่มที่ขยายตัวเด่นกว่าตลาดทั้ง QoQ และ YoY ในงวดนี้ยกให้กลุ่มอาหาร กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่ม ICTและกลุ่มไฟแนนซ์
นอกจากนี้ กำไร Q2/68 โดยหากเทียบเฉพาะบริษัทที่มีคาดการณ์งบจาก Bloomberg Consensus (ไม่รวม PF&REIT) คิดเป็นสัดส่วน 85% Market Cap ของ SET Index ทำกำไรได้ดีกว่าตลาดคาด 9% แต่หลักๆมาจากรายพิเศษของ SCC หากไม่รวมส่วนนี้กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย 2% หรืออาจได้ว่าเป็นไปตามตลาดคาด โดยจำนวนหุ้นที่กำไรดีกว่าตลาดคาด 25% ใกล้เคียงคาด 51% และต่ำคาด 24%
โดยกลุ่มที่กำไรดีกว่าคาดมาจากกลุ่มเกษตร 13% NER จากรายการพิเศษ TFM จากรายได้และ GPM ดีกว่าคาด กลุ่มอสังหาฯ ดีกว่าคาด 12% จาก AWC จากกำไรจากการตีมูลค่าสินทรัพย์และรายได้จากค่าบริหารจัดการ LH จากกำไรจากการขาย Serviced Apartment ในสหรัฐฯกลุ่มที่แย่กว่าคาด กลุ่มอิเล็คฯต่ำคาด -16% จากผลกระทบของค่าเงินบาทแข็งค่า กลุ่มปิโตรฯต่ำคาด 51% จาก
รายการพิเศษ IVL
ส่วน PTTGC ธุรกิจโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์อ่อนแอ สำหรับกลุ่มอื่นๆ กำไรถือว่าใกล้เคียงคาด ทั้งนี้กำไรที่ออกมาตามจึงเชื่อว่าจะไม่สร้าง Downside ต่อการปรับลดประมาณของเราและ Bloomberg Consensus อย่างมีนัยฯ ซึ่งปัจจุบันคาด EPS68E อยู่ที่89 บาท/หุ้น
แนะหาจังหวะสะสมหุ้นเด่น หากตลาดย่อตัว
SET Index พักฐาน จากบรรยากาศระมัดระวังใกล้ช่วงศาลตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับทั้งนายกฯ และอดีตนายกฯ ทักษิณ ขณะที่ต่างประเทศยังอยู่ระหว่างปรับมุมมองต่อนโยบายการเงินสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม กำไร SET Index ยังไม่ถูกปรับลด คงซื้อขายที่ PER68E ราว 14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี (-1 S.D.) จึงมองการย่อเป็นจังหวะสะสมหุ้นเด่น 2H68 ที่กำไรยังขยายตัวและเสี่ยงปรับประมาณการต่ำ ได้แก่ BH, CKP, ERW, CPN, MTC และ TRUE