Military Bank ของรัฐบาลเวียดนาม จับมือ Dunamu บริษัทแม่ของ Upbit พัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต ตอบรับกระแสความนิยมในสกุลเงินดิจิทัลในประเทศนี้ที่มีผู้ครอบครองสินทรัพย์เสมือนกว่า 20 ล้านราย และมีมูลค่าการซื้อขายคริปโตถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวนี้ยังตอกย้ำความพยายามของรัฐบาลเวียดนามในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
Military Bank (MB) มีแผนเปิดตัวแพลตฟอร์มเทรดคริปโตแบบมีการกำกับดูแล โดยร่วมมือกับ Dunamu บริษัทแม่ของ Upbit แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชื่อดังของเกาหลีใต้
Dunamu เปิดเผยเมื่อวันพุธ (13) ว่า ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ MB เพื่อให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนถึงคำแนะนำในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การปกป้องนักลงทุน และการพัฒนาคนเก่ง ซึ่งเป็นแพ็คเกจที่ครอบคลุมสำหรับการสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ปรับขนาดได้และปลอดภัย
MB เป็นสถาบันการเงินภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหม ส่งสัญญาณว่า การสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตครั้งนี้เป็นแผนการริเริ่มของรัฐบาล
แผนการสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเริ่มต้นขึ้นตอนที่คิม ฮยอง-นยอน รองประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Dunamu พบกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิญ จิ๋ง เมื่อเดือนกรกฎาคม และรับปากว่า จะให้การสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม
โอคยอง-ซุค ซีอีโอ Dunamu เผยว่า เวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก โดยมีผู้ครอบครองสินทรัพย์เสมือนกว่า 20 ล้านราย และมีมูลค่าการซื้อขายคริปโตถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ นับเป็นประเทศที่มีการไหลเวียนของสินทรัพย์บนเครือข่ายบล็อกเชนสูงที่สุดอันดับ 5 ของโลก
ขณะเดียวกัน ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ การกำหนดทุนจดทะเบียนสำหรับการดำเนินการแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่สูงถึง 10 ล้านล้านด่ง หรือราว 400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับโครงการนำร่องในประเทศอื่นๆ ที่กำหนดไว้แค่ 50,000 ดอลลาร์ หรือไม่กี่แสนดอลลาร์เท่านั้น
จำนวนเงินดังกล่าวมากกว่าเงินทุนในการเริ่มต้นสายการบินในเวียดนามถึง 33 เท่า และมากกว่ามูลค่าเงินทุนที่กำหนดสำหรับการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ในประเทศนี้ 3 เท่า
เจ้าหน้าที่เวียดนามเผยว่า ข้อกำหนดที่เข้มงวดดังกล่าวมีเป้าหมายในการปกป้องนักลงทุน ตลอดจนถึงเสถียรภาพทางการเงิน และบังคับให้มีการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแนวทางป้องกันการฟอกเงินของหน่วยงานเฉพาะกิจด้านการเงิน (FATF)
นอกจากนั้น แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตยังต้องระบุชัดเจนว่า สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่สกุลเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และต้องดำเนินการสอดคล้องกับมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของทางการระดับที่ 4
โปรเจ็กต์แพลตฟอร์มเทรดคริปโตนี้เกิดขึ้นกับควบคู่กับที่รัฐบาลเวียดนามพยายามอย่างต่อเนื่องในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมนี้ โดยกฎหมายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2026
ปัจจุบัน กฎระเบียบกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลของเวียดนามเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น โดยเมื่อเดือนมีนาคม เหงียน ดึ๊ก ชิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศโครงการนำร่องสำหรับบริษัทเทคโนโลยีการเงิน ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต
รายงานของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของรัฐบาลเวียดนาม ฝ่าม เตี๋ยง จุ๋ง รองผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ประกาศเมื่อต้นเดือนว่า เวียดนามจะจัดทำกรอบกฎหมายสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่รวมถึงสินทรัพย์ที่แปลงเป็นโทเคนอย่างเป็นทางการ
ผู้บริหารของ SVB ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนำร่องที่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังนำเสนอเมื่อเดือนมีนาคมเป็นกุญแจสำคัญของพัฒนาการนี้ ส่วนอีกสองปัจจัยที่จำเป็นไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันคือ แนวทางที่รัฐสภาแห่งชาตินำเสนอ รวมทั้งกฎหมายกำกับดูแลอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
จากการเปิดเผยของกระทรวงการคลัง โครงการนำร่องแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตจะดำเนินการในศูนย์การเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง และในอนาคตจะมีการอนุญาตจัดตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตหลายแห่ง
แม้รายงานบางชิ้นชี้ว่า โปรเจ็กต์ของ MB เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแห่งแรกในเวียดนาม แต่ความจริงแล้ว แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศนี้คือ BitcoinVN ที่ดำเนินการโดยบิตคอยน์ เวียดนาม
นอกจากนี้ยังมี Nami.Exchange ของ Nami Technology JSC ที่จดทะเบียนในเวียดนาม และให้บริการเทรดคริปโตทั้งแบบสปอตและฟิวเจอร์ส
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่กฎระเบียบนำร่องของเวียดนามจะนำไปสู่ข้อกำหนดในการออกใบอนุญาตในอนาคต อาจส่งผลให้แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตของ MB กลายเป็นแพลตฟอร์มแรกที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายใหม่