xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.48-เผชิญความผันผวน Two-way risk

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(15ส.ค.68) ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.65 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลง ทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.35-32.52 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด ท่ามกลางความกังวลว่า เฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดได้ประเมินไว้ก่อนหน้า จากรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคม ที่ปรับตัวสูงขึ้น +3.3%y/y (+0.9%m/m) มากกว่าที่ตลาดประเมินไว้เพียง +2.5%y/y (+0.2%m/m) อย่างเห็นได้ชัด กอปรกับ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ก็ออกมาดีกว่าคาด

โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้ประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 26% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ จากที่ประเมินไว้ราว 50%-60% ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม หลังการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับ 3,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัดแถวโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงขายเงินดอลลาร์และการปรับสถานะถือครองของบรรดาผู้เล่นในตลาด

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดได้พอสมควร โดยเฉพาะ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกรกฎาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนสิงหาคม ที่ในรายงานเดียวกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอย่าง ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรมโดย New York Fed (Empire Manufacturing Index) ในเดือนสิงหาคม และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนกรกฎาคม ซึ่งจะช่วยสะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาของทางการจีน ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) รวมถึงราคาบ้านใหม่ และราคาบ้านมือสอง ในเดือนกรกฎาคม

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท การเคลื่อนไหวของเงินบาทล่าสุด ยังคงสอดคล้องกับมุมมองของเราที่มองว่า เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-way risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้สองทิศทาง) แต่เรามองว่า เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าลงได้บ้าง (มี bias ในฝั่งเงินบาทเสี่ยงอ่อนค่า) ในกรณีที่ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด

โดยในช่วงวันนี้ เรามองว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดได้ โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาสดใสและดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง จากให้โอกาสราว 30% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ก็อาจเหลือโอกาส 0%-15% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท โดยในส่วนของเงินบาทนั้น เราประเมินว่า มีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านถัดไปในช่วง 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้

ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด หรือไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดบ้าง เช่นปรับเพิ่มโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟด 3 ครั้ง ในปีนี้ เป็นเกือบ 50% หรือมากกว่าเล็กน้อย (มากกว่า 50% อาจเกิดได้ไม่ยาก หากข้อมูลเศรษฐกิจ อย่าง ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน) ซึ่งในกรณีนี้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงย่อตัวลงอีกครั้ง หนุนให้ราคาทองคำก็มีโอกาสรีบาวด์สูงขึ้นทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้น ส่วนเงินบาทก็อาจกลับมาแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ และเสี่ยงที่จะแข็งค่าหลุดโซนดังกล่าว (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์)

ทั้งนี้ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เรามองว่า ควรรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีน พร้อมจับตาทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินหยวน (CNY) เนื่องจากเงินหยวนจีน เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทในระดับสูงพอสมควร (High correlation)
กำลังโหลดความคิดเห็น