วุฒิสภาและสภาล่างรัฐวิสคอนซิน ผนึกกำลังเดินหน้าร่างกฎหมายเข้มข้น คุมเข้มผู้ประกอบการตู้ ATM คริปโต หลังพบถูกใช้เป็นช่องทางฉ้อโกง-ฟอกเงิน พร้อมบังคับใช้มาตรการยืนยันตัวตนเต็มรูปแบบ จำกัดวงเงินธุรกรรม และติดป้ายเตือนความเสี่ยงชัดเจน ขณะที่ FinCEN และหน่วยงานทั่วโลกส่งสัญญาณเตือนภัย หลังพบพฤติกรรมอาชญากรเร่งใช้เทคโนโลยีตู้คริปโตเป็นเครื่องมือใหม่
รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา กำลังขยับหมากสำคัญในสมรภูมิคุมเข้มตู้ ATM คริปโต เมื่อวุฒิสมาชิกเคลดา รอยส์ ร่วมกับสมาชิกร่วมพรรคเดโมแครตอีก 6 ราย ยื่นร่างกฎหมายวุฒิสภาหมายเลข 386 เพื่อทำงานคู่ขนานกับร่างกฎหมายสภาผู้แทนราษฎรหมายเลข 384 ที่ไรอัน สเปด สมาชิกพรรคเดียวกัน เสนอเมื่อ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป้าหมายคือปิดช่องว่างทางกฎหมายและเร่งกระบวนการออกกฎหมาย ด้วยกลยุทธ์ “สองสภาเดินหน้า” เพื่อเพิ่มโอกาสผ่านร่างได้เร็วที่สุด
ร่างกฎหมายดังกล่าววางกรอบกำกับผู้ประกอบการตู้ ATM หรือคีออสก์คริปโตให้ต้องมี ใบอนุญาตส่งเงิน จึงจะดำเนินการได้ในรัฐ พร้อมกำหนดภาระเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้แบบเข้มงวด ทั้งชื่อ วันเกิด หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ อีเมล และเอกสารราชการ เช่น หนังสือเดินทางหรือใบขับขี่ รวมถึงการถ่ายภาพผู้ใช้ทุกครั้ง
มาตรการยืนยันตัวตน (KYC) จะถูกบังคับใช้กับ ทุกธุรกรรม พร้อมเพดานวงเงินไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์ต่อวัน และต้องติดป้ายเตือนภัยเกี่ยวกับความเสี่ยงในการฉ้อโกงที่ด้านหน้าเครื่อง “ในตำแหน่งที่ลูกค้ามองเห็นชัด” ขณะที่ค่าธรรมเนียมถูกเพดานไว้ที่ 5 ดอลลาร์ หรือ 3% ของธุรกรรม แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า เพื่อกดต้นทุนและลดแรงจูงใจจากการเก็บค่าบริการเกินควร
หากธุรกรรมถูกระบุว่าเป็นการฉ้อโกงไม่ว่าจะโดยคำสั่งจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหรือหลักฐานจากผู้ใช้ผู้ประกอบการต้องคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน โดยไม่มีข้อยกเว้น
ขณะที่ด้านเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงินของสหรัฐฯ (FinCEN) ออกประกาศเมื่อ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ให้สถาบันการเงินเฝ้าระวังและรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยผ่านตู้ ATM คริปโต พร้อมเตือนว่ามิจฉาชีพกำลัง “ยกระดับเครื่องมือ” โดยใช้เทคโนโลยีตู้ CVC (Convertible Virtual Currency) เป็นช่องทางใหม่ ข้อมูลจาก FinCEN ชี้ชัดว่า การฉ้อโกง อาชญากรรมไซเบอร์ และการค้ายาเสพติด คือ 3 พฤติกรรมผิดกฎหมายหลักที่ใช้ประโยชน์จากตู้เหล่านี้ โดยผู้สูงอายุถูกจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เนื่องจากมิจฉาชีพมักปลอมตัวเป็นพนักงานธนาคาร เจ้าหน้าที่เทคนิค หรือฝ่ายบริการลูกค้า เพื่อหลอกลวงให้ทำธุรกรรม
ไม่เพียงสหรัฐฯ เท่านั้นที่เคลื่อนไหว นิวซีแลนด์ประกาศ แบนตู้ ATM คริปโตทั้งประเทศ เมื่อ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลการฟอกเงินและสนับสนุนอาชญากรรม ขณะที่สหราชอาณาจักรก็ใช้มาตรการเข้ม ยึดตู้ 7 เครื่องและจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายในลอนดอนตะวันตกเฉียงใต้ จากข้อกล่าวหาฟอกเงินและดำเนินการแลกเปลี่ยนคริปโตเถื่อน
แม้กระทั่งเมืองเล็กอย่าง Grosse Pointe Farms ใกล้ดีทรอยต์ มิชิแกน ก็ยังออกกฎหมายควบคุมล่วงหน้า ทั้งที่ในพื้นที่ไม่มีตู้ ATM คริปโตแม้แต่เครื่องเดียว แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันระดับโลกต่อการปิดประตูเสี่ยงจากเทคโนโลยีการเงินรูปแบบใหม่นี้อย่างจริงจัง