xs
xsm
sm
md
lg

กรุงศรี คอมซูมเมอร์เผยยอดรูดบัตรวูบ-เศรษฐกิจไม่เอื้อ-แตะเบรกใช้จ่าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงศรี คอมซูมเมอร์มองแนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคลยังซบเซา กลุ่มรายได้สูงเริ่มรัดเข็มขัด-ชะลอใช้ เผยยอด 6 เดือนทั้งระบบยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโตแค่ 0.8%ต่ำสุดในรอบ 12 ปี(ไม่นับรวมช่วงโควิดฯ) จำนวนบัตรลด 0.6% ยอดคงค้างลด 2.5% ปัจจัยหลักจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อ-ความเชื่อมั่น หันเน้นบริหารจัดการภายในองค์กร-ปรับแบรนด์ให้ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย
เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตช่วง 6 เดือนแรกของปี 68 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 1,137,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% จำนวนบัตรเครดิตอยู่ที่ 26.23 ล้านใบ ลดลง 0.6% ยอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ที่ 458,000 ล้านบาท ลดลง 2.5% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ที่ 2.7%ชะลอลงจากสิ้นปีก่อนที่ 2.6% ขณะที่ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2568 ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในภาพรวมนับว่ายังเติบโตดีกว่าตลาดทั้งในแง่ของจำนวนบัตรและยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 191,400 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.5%, ยอดสินเชื่อใหม่ 45,400 ล้านบาท ลดลง 2.7%, ยอดสินเชื่อคงค้าง 136,000 ล้านบาท ลดลง 2.9% และยอดบัญชีลูกค้าใหม่ 273,700 บัญชี ลดลง 4.5%ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อยู่ที่ระดับ 1.2% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.3% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม

"ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายมากๆ มากกว่าปีที่แล้ว และไม่ใช่แค่สถาบันการเงินเท่านั้น ทุกอุตสาหกรรมยากกันหมด นับตั้งแต่ต้นปีเราเจอแผ่นดินไหว ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนเดิม การใช้จ่ายชะลอ หนี้ครัวเรือนสูง ภาษี 19% ภาคการส่งออก-การผลิตมีแนวโน้มหดตัว ซึ่งทั้งหมดจะสะท้อนมาที่จีดีพีที่เติบโตต่ำ รวมถึงความท้าทายเฉพาะของธุรกิจที่จะต้องมีความเข้มงวดตามกฎเกณฑ์ของธปท. ซึ่งสะท้อนออกมาที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ชะลอลง ทำให้ทุกๆตัวเลขสำคัญของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตเกือบทุกตัวอยู่ในอัตราชะลอลง อย่างยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่โตเพียง 0.8%จากเดิมที่เฉลี่ยจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-6%มาตลอด ซึ่งยอดใช้จ่ายที่ลดลงผนวกกับเอ็นพีแอลที่ลดลงสะท้อนถึงรัดเข็มขัดการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงทำให้ไม่ใช้จ่ายหากไม่จำเป็น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้สูง(Affluent & Super Affluent)ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักสร้างยอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 40% และที่เป็นกลุ่มที่พยุงการใช้จ่ายบัตรเครดิตมาตลอด มียอดใช้จ่ายชะลอลง-ระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก และณ ระดับตัวเลขอย่างนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นในรอบ 12 ปีไม่นับช่วงโควิดฯที่เราเห็นตัวเลขไม่ว่าจะเป็นยอดใช้จ่าย,ยอดบัตรเครดิต หรือยอดสินเชื่อคงค้างของธุรกิจบัตรเครดิตที่ต่ำในระดับนี้"
ดังนั้น จากปัจจัยท้าทายต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลังกรุงศรี คอนซูมเมอร์ จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาวะตลาด โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน มุ่งสร้างความเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยนำการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำการตลาดเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น, ปรับกลยุทธ์การตลาดและวิธีทำโปรโมชันโดยใช้ศักยภาพและเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, พร้อมปรับจุดขายผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้มีจุดเด่นและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเป็นบัตรหลักในชีวิตประจำวันและเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตร รวมถึงขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ก็จะมีการปรับโฉมบัตรเครดิตกรุงศรีที่เป็นบัตรหลักของบริษัทตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย

นายอธิศกล่าวอีกว่า แม้ว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมเราจะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นยอดการใช้จ่ายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเริ่มทรงตัว และในช่วงไตรมาส 4 ของปีจะเห็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้จ่าย แต่มองว่าจะยังไม่น่าชดเชยกับส่วนที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาได้ จึงมองว่ายอดการใช้จ่ายระดับทรงตัวจากปีก่อนก็จะน่ามีโอกาสเป็นไปได้ เนื่องจากความเชื่อมั่นเป็นเรื่องสำคัญหากกลับมาเร็วก็มีโอกาสที่ยอดจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้เร็ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโต ก็เป็นโอกาสดีที่จะกลับมาปัดกวาดตัวเองให้ลีนขึ้น มีเสถียรภาพขึ้น บาลานซ์ระหว่าง Risk กับ Growth เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยยังรักษาความเป็นผู้นำโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

นายอธิป ศิลป์พจีการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด และประธานชมรมสินเชื่อบุคคล ภายใต้สมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อบุคคลทั้งระบบในช่วง 6 เดือนแรกของปีมียอดคงค้างที่ 469,000 ล้านบาทลดลง 5% ขณะที่ยอดคงค้างสินเชื่อบุคคลในส่วนของ non bank จำนวนกว่า 140 รายอยู่ที่ 297,700 ล้านบาท ลดลง 4.6% ทั้งนี้การลดลงดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวอยู่ แม้ความต้องการของสินเชื่อบุคคลมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีนัก แต่จากความระมัดระวังและความเข้มงวดในกฎเกณฑ์ต่างๆทำให้การปล่อยสินเชื่อบุคคลมีความยากลำบากมากขึ้น ขณะเดียวกันในอนาคตก็มีความความท้าทายใหม่ๆที่จะเข้ามาเช่นกัน อย่างการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank)ที่เข้ามารองรับในกลุ่มลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึงบริการของสถาบันการเงิน ซึ่งก็ต้องติดตามถึงผลกระทบที่ต่อผู้ประกอบการสินเชื่อบุคคลที่มีอยู่ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น