xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ-ไทยพาณิชย์-กรุงศรี-ทีทีบีปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้0.25%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง MLR MOR และ MRR ลงร้อยละ 0.25 ต่อปี มีผลวันที่ 15 สิงหาคม 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลด 0.25% จาก 6.97% เหลือ 6.72% ต่อปี
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จาก 6.94% เหลือ 6.69% ต่อปี
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลด 0.25% จาก 7.03% เหลือ 6.78% ต่อปี

ทั้งนี้ ธนาคารเชื่อมั่นว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน เสริมสภาพคล่อง และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวของภาคธุรกิจและครัวเรือน อันจะนำไปสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว และธนาคารพร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม ช่วยให้ลูกค้าของธนาคารมีความยืดหยุ่นทางการเงิน เพื่อต่อยอดการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ความเปราะบางของภาคธุรกิจและครัวเรือน และภาวะการเงินที่ตึงตัวสูง ธนาคารจึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง MLR, MOR และ MRR ลง 0.25% เพื่อลดภาระทางการเงินของลูกค้า และสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน โดยมีรายละเอียดดังนี้
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.750% เป็น 6.500% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.925% เป็น 6.675% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.025% เป็น 6.775% ต่อปี

**กรุงศรีปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้มีผลวันที่18สิงหานี้**
ด้านนายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY)เปิดเผยว่า กรุงศรีปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ต่อปี สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ ลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการภาษีสหรัฐฯ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง

โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้ MLR ปรับลดลงจาก 7.000% เป็น 6.750% ,อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี MOR ปรับลดลงจาก 6.975% เป็น 6.725% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี MRR ปรับลดลงจาก 7.120% เป็น 6.870% มีผลตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

**ทีทีบีลดดอกเบี้ยกู้0.25%**
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี)กล่าวว่า ทีทีบี พร้อมอยู่เคียงข้างและให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกสถานการณ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่สภาพเศรษฐกิจเปราะบางจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ อาทิ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีสหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังที่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ ผลพวงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มลดลง อีกทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่รายได้ไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับตัวลง เพื่อเป็นการสอดรับกับมติ กนง. ที่ต้องการช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย กระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และช่วยบรรเทาไม่ให้ค่าครองชีพของลูกค้าและต้นทุนของธุรกิจยิ่งสูงไปกว่านี้ ทีทีบี จึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ต่อปีเพื่อช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่รายย่อย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และกลุ่มลูกค้าธุรกิจ สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MLR, MOR และ MRR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 2568

นอกจากความช่วยเหลือด้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว ธนาคารยังคงตอกย้ำปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้สนับสนุนลูกค้าสินเชื่อเพิ่มเติมผ่านโปรแกรม “ทีทีบี ผ่อนดี.. มีรางวัล” ที่ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่มีประวัติผ่อนดี ซึ่งถือเป็นลูกค้าอีกกลุ่มที่สำคัญและยังไม่ค่อยได้รับการช่วยเหลือ โดยโปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือครอบคลุมทั้งคนผ่อนดีที่มีบ้าน มีรถ และกลุ่มพนักงานเงินเดือนที่มีสินเชื่อบุคคล ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยลงในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์จากโปรแกรมนี้เพิ่
มขึ้น 
กำลังโหลดความคิดเห็น