นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์หลายสำนัก เริ่มกลับให้คำแนะนำหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ ภายใต้ปัจจัยสนับสนุนด้านพื้นฐาน โดยผลกำไรยังประคับประคองตัวดี อัตราการจ่ายเงินปันผลสูง และราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก เมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่น
หุ้นบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ฉายาหุ้นปูนใหญ่ ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 124.50 บาท รอบนี้ขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ที่ 207 บาท ขณะที่หุ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เคยลงไปต่ำสุดที่ 130 บาท แต่ทะยานขึ้นมาสร้างจุดปิดสูงสุดในรอบนี้ที่ 194 บาท
หุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ แม้จะปรับตัวขึ้นตามภาวะตลาด แต่อัตราการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่น แม้แบงก์ใหญ่หลายตัว สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบปีแล้วก็ตาม
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง อาจเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นแบงก์ แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์มองว่า เป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และเหตุผลราคาที่ยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก เมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่น ทั้งที่ดัชนี ฯ ดีดขึ้นมากว่า 200 จุดแล้วในรอบนี้ จึงมีคำแนะนำจากโบรกเกอร์หลายแห่งให้เข้าเก็บหุ้นแบงก์
หุ้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในรอบ 12 เดือนเคยลงไปต่ำสุดที่ 129 บาท จุดสูงสุดอยู่ที่ 161.50 บาท แต่ไต่ระดับขึ้นมาต่อเนื่อง และเมื่อวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาปิดที่ 155 บาท ถือเป็นจุดสูงสุดของรอบ
นอกจากปัจจัยพื้นฐานดี โดยมีค่า พี/อี เรโช 6.25 เท่า และอัตราเงินปันผล 5.48% แล้ว ยังมีปัจจัยหนุน จากการแปลงหนี้เป็นหุ้นของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ด้วย
BBL ถือหุ้น THAI ในสัดส่วน 8.51% ของทุนจดทะเบียน การที่หุ้น THAI พุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ 14.701 บาท ทำให้ BBL ได้รับอานิสงส์เต็มตัว เพราะหนี้ที่แปลงเป็นหุ้น THAI สามารถครอบคลุมสินเชื่อที่ปล่อยให้ THAI ได้ และจะมีกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นด้วย
ธนาคารกสิกรไทยหรือ KBANK ในรอบ 12 เดือนเคยลงไปต่ำสุดที่ 128.50 บาท แต่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องในรอบนี้ จนสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 169.50 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม
ผลกำไรงวด 6 เดือนแรกปีนี้ เติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ค่า พี/อี เรโช อยู่ที่ 8.14 เท่า และอัตราเงินปันผลอยู่ที่ 7.14% จึงเป็นอีกแบงก์ใหญ่ที่ปัจจัยพื้นฐานดี
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ในรอบ 1 ปี เคยสร้างจุดสูงสุดที่ 24.70 บาท และลงไปต่ำสุดที่ 17.60 บาท ก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และขึ้นมาปิดที่ 24.10 บาท เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ของรอบนี้
ค่า พี/อี เรโช KTB อยู่ที่ 7.57 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.41 % แต่ปัจจัยหนุนอีกประการคือ หุ้น THAI ที่ได้มาจากการแปลงหนี้เป็นทุน ในสัดส่วน 4.69% ของทุนจดทะเบียน และทำให้ KTB ได้รับอานิสงส์จากราคาหุ้น THAI ที่พุ่งทะยาน เช่นเดียวกับ BBL
ส่วนบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ในรอบ 1 ปี ราคาเคยพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 บาท ก่อนจะทรุดลงมาต่ำสุดที่ 100.50 บาท แต่ดีดตัวขึ้นมาต่อเนื่อง โดยระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 8 สิงหาคม สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 130.50 บาท ก่อนจะลงมาปิดที่ 130 บาท
SCB มีค่า พี/อี เรโช สูงกว่าแบงก์ขนาดใหญ่ด้วยกัน โดยค่า พี/อี เรโช อยู่ที่ 9.69 เท่า แต่มีจุดเด่นที่อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่าแบงก์ขนาดใหญ่ด้วยกันคือ 8.03% และในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา อัตราเงินปันผลไม่เคยต่ำกว่า 8% จึงเป็นอีกแบงก์ใหญ่ที่อยู่ในความสนใจ
หุ้นแบงก์ใหญ่ทั้ง 4 แห่ง แม้จะฟื้นตามภาวะตลาด และเริ่มสร้างจุดสูงสุดใหม่ ราคาหุ้นนิวไฮในรอบปี แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์มองว่า ยังเป็นหุ้นที่ค่อนข้างปลอดภัย ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนระยะยาวคุ้ม
จึงแนะนำให้นักลงทุน หาจังหวะเก็บสะสมหุ้นแบงก์ใหญ่เข้าพอร์ต รักชอบตัวไหน ทยอยซื้อแบงก์นั้น