xs
xsm
sm
md
lg

เอชเอสบีซีชี้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายแม้อัตราภาษีสหรัฐฯต่ำกว่าเดิม-คาดกนง.อาจลดดอกเบี้ยในเดือนส.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอาริส ดาคาเนย์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารเอชเอสบีซีเปิดเผยว่า การที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯต่อไทย ที่ 19%นั้น ถือว่าเป็นอัตราที่ดีกว่าคาดการณ์ โดยเป็นระดับที่ไม่ต่างกับประเทศตลาดเกิดใหม่ในอาเซียน (Emerging Markets) แต่ผลกระทบโดยรวมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ยังเป็นลบ แม้ปัจจุบันความเสี่ยงด้านลบหรืออุปสรรคที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจลดน้อยลงเนื่องจากไทยไม่มีข้อเสียเปรียบด้านภาษี อย่างไรก็ตาม ธนาคารเอชเอสบีซีคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมนี้ แต่หากยังคงอัตราดอกเบี้ยเดิมไว้ก็น่าจะเป็นผลมาจากการเจรจาด้านภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ดีกว่าที่ ธปท. คาดการณ์

ทั้งนี้ ณ ระดับอัตราภาษีนำเข้าที่ 19% แม้จะสูงกว่าความคาดหวังของธปท.ที่ 18% แต่อัตราภาษีนำเข้าที่ 19% ของไทยไปยังสหรัฐฯ ก็เท่ากับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และต่ำกว่าอัตราภาษีนำเข้าของเวียดนามที่ 20% เล็กน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่าไม่มีประเทศใดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในอาเซียนที่มีข้อเสียเปรียบหรือข้อได้เปรียบเมื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ

"เราไม่ได้กล่าวว่าอัตราภาษีตอบโต้ไม่มีผลกระทบใดๆ กับไทย เพราะแท้จริงก็มีผลกระทบ โดยเรายังคงคาดการณ์ว่าไทยจะสูญเสียการเติบโตที่ 0.9pppt จากผลกระทบโดยตรงของภาษีนำเข้าไปยังสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นที่ 19% นอกจากนั้นการเติบโตตลอดปี 2568 จะอ่อนลงเหลือ 1.7% แต่อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านลบต่อการประมาณการนี้ตอนนี้ยังจำกัดเนื่องจากอัตราภาษีตอบโต้ทั่วภูมิภาคไม่ได้สร้างแรงจูงใจให้มีการทดแทนกันระหว่างสินค้าจากตลาดเกิดใหม่ในอาเซียนหรือการจัดสรรส่วนแบ่งตลาดใหม่ในสหรัฐฯ"

นอกจากนี้แล้ว เรายังคาดว่าความเชื่อมั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้ส่งผลตด้านบวกหรือโอกาสการเติบโตแก่ภาพรวมเศรษฐกิจไทย เพราะนักลงทุนและผู้ประกอบการชะลอการลงทุนนับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ จนถึงการประกาศภาษีนำเข้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลอดจนความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคเอกชนผู้ผลิตไม่เติมสินค้าคงคลังแม้จะมีการสั่งซื้อล่วงหน้า ดังนั้น สัดส่วนใหญ่ของการส่งออกในอนาคตน่าจะมาจากการผลิตสินค้าใหม่ ไม่ใช่การนำสินค้าคงคลังทีมีอยู่เดิมไปส่งออก อีกทั้งการเปิดเครื่องจักรและสายการผลิตอีกครั้งจะสามารถนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นล่าสุด (หลังจากติดลบเป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน) เป็นสัญญาณบวกที่บอกได้ว่าภาคเอกชนผู้ผลิตในไทยอาจมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคต ตลอดจนการลงทุนในประเทศและต่างประเทศจะกลับมาหลังมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการค้าโลก

พร้อมกันนั้น เราไม่เชื่อว่าสินค้าสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดภายในประเทศของไทย ภายหลังจากไทยเปิดตลาดให้สหรัฐฯ เนื่องจากสินค้าสหรัฐฯ ที่นำเข้ามายังไทยส่วนใหญ่อยู่ในกล่มธุรกิจพลังงานและสินค้าประเภทปัจจัยการผลิตชั้นสูง ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยไม่ผลิตอยู่แล้ว นอกจากนั้น ข้อมูลยังแสดงว่าไทยจัดหาสินค้านำเข้าส่วนใหญ่จากจีนแผ่นดินใหญ่ (ที่มีแรงกดดันการแข่งขันต่อเนื่อง) ซึ่งหากตัดสินค้าในกลุ่มพลังงานออกไป จะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่มากกว่าจากสหรัฐฯ ถึงสี่เท่า ส่วนในประเด็นอื่นๆ นั้น เราเคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าข้อจำกัดการนำเข้าชิปชั้นสูงโดยสหรัฐฯ มายังไทย จะไม่ทำลายขีดความสามารถในการส่งออกของไทย

ในทางกลับกัน นโยบายการเงินกลับเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โดยเราคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp หรือ 0.25% ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนสิงหาคม แต่อย่างไรก็ตาม เราก็เชื่อว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ ธปท.จะคงท่าทีทางการเงินด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% โดยรายงานการประชุม กนง. ครั้งล่าสุดระบุชัดเจนถึงความตั้งใจของ ธปท.ในการลดอัตราดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมว่า จะเป็นเพียงการปรับลดในจังหวะเวลาที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าโลก เนื่องจากในการประชุมครั้งล่าสุด ธปท.ได้คาดว่าอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เก็บจากไทยจะอยู่ที่ 18% ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะมีอัตราภาษีนำเข้าเพียง 10% กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ธปท.ประเมินว่า ไทยจะมีข้อเสียเปรียบด้านภาษีเมื่อเทียบกับตลาดอาเซียนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนได้บรรเทาลง และผลการเจรจาภาษีออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากประเทศตลาดเกิดใหม่ในอาเซียนมีอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 19% -20% ทำให้ไทยไม่ต้องเผชิญข้อเสียเปรียบด้านภาษีนำเข้าจากประเทศอื่นๆในอาเซียน ดังนั้น เมื่อความเสี่ยงด้านลบต่อการเติบโตลดลง จึงทำให้ ธปท. มีแรงกดดันในการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมที่เคยระบุไว้ในการประชุมครั้งสุดท้ายของ ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ในฐานะผู้ว่าการ ธปท. ลดลงไปด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่และเศรษฐกิจไทยยังต้องหาหาจุดยืนเมื่อเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างต่างๆ ในอนาคต แม้ อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศออกมาก็ช่วยลดอุปสรรคและความกังวลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยไปได้มาก
กำลังโหลดความคิดเห็น