xs
xsm
sm
md
lg

แก๊งปั่น MORE ติดคุก...แต่หัวโจกลอยนวล / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปฏิบัติการปล้นบริษัทโบรกเกอร์ 10 แห่ง วงเงิน 4,500 ล้านบาท ซึ่งเปิดฉากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ปิดฉากลงใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยแก๊งปั่นหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE จำนวน 28 คน จากทั้งหมด 42 คน เดินคอตกเข้าคุก

คดี MORE เกิดขึ้น จากการวางแผนที่แยบยลของผู้ร่วมขบวนการโกงทั้งหมด 42 คน โดยหลายคนเคยมีพฤติกรรมเข้าข่ายสร้างราคาหุ้นหลายตัวมาก่อน แต่ยังไม่เคยถูกจับได้คาหนังคาเขา และลอยนวลมาตลอด

การปั่นหุ้น MORE เป็นการรวมตัวของแก๊งปั่นหุ้นหลายกลุ่ม ซึ่งเตรียมการและนัดแนะกันไว้ โดยทีมหนึ่งจะเป็นผู้ส่งคำสั่งขายหุ้น MORE อีกทีมหนึ่งจะเป็นผู้ส่งคำสั่งซื้อ หุ้นที่โยนซื้อขายมีจำนวนประมาณ 1,571.77 ล้านหุ้น โดยทำรายการผ่านโบรกเกอร์ประมาณ 10 ราย ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท มูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท

ปฏิบัติการปล้นโบรกเกอร์สำเร็จไปเพียงครึ่งหนึ่ง โดยทำรายการซื้อขายได้สำเร็จ แต่สมาคมโบรกเกอร์ไหวตัวทัน เรียกประชุมสมาชิกด่วน และขอความร่วมมือจากตำรวจเข้ามาช่วยสะสางคดี ขอให้อายัดเงินซื้อขายหุ้น MORE ไว้

แผนของแก๊งปั่นหุ้น MORE จะแยกกลุ่มคนที่สั่งขายและสั่งซื้อออกจากกัน ฝั่งที่สั่งซื้อหุ้น MORE เมื่อครบกำหนดเวลาชำระราคาหุ้น ตามระบบทีบวก 2 หรือต้องชำระค่าหุ้นในวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แต่ฝั่งสั่งซื้อจะไม่ยอมชำระราคาหุ้น แต่โบรกเกอร์ที่รับคำสั่งขาย จะต้องชำระราคาหุ้นให้แก๊งปั่นหุ้นรวม 4,500 ล้านบาท

ต่แผนแก๊งปั่นหุ้นต้องพังทลาย โดยทุกหน่วยงานประสานความร่วมมือ ตรวจสอบ สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนแจ้งความดำเนินคดีแก๊งปั่นหุ้น MORE ใน 3 ข้อหาหนัก การฉ้อโกง ความผิดอั้งยี่ และความผิดปั่นหุ้น โดยมีผู้ต้องหาร่วมแก๊ง 42 ราย

คดี MORE ปิดแทบจะสมบูรณ์แล้ว โดยความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และโบรกเกอร์ 10 รายที่รับคำสั่งขายหุ้น MORE ได้รับเงินคืน พร้อมค่าปรับในความผิดอั้งยี่อีกประมาณ 129 ล้านบาท

ส่วนผู้ร่วมขบวนการปั่นหุ้น กลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในตลาดหุ้น เพราะมีจำนวนผู้ต้องหามากที่สุดรวม 42 คน และ 28 คน ต้องเดินคอตกเข้าคุกไปแล้ว โดยอัยการนำตัวส่งฟ้อง เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว

ยังเหลือผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้นอีก 14 คน ที่ไม่ได้เดินทางมาศาล และเป็นกลุ่มหัวโจกของคดี MORE ประกอบด้วย นายอภิมุข บำรุงวงศ์ นายเอกภัทร พรประภา นายอธิภัทร พระประภา นางอรพินธุ์ พรประภา นายอิทธิวรรณ์ วรรณเอี่ยมพิกุล บริษัท ตงฉั้ว แคปปิตอล จำกัด บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด นายสมนึก กยาสวัฒนกิจ MR.SHOBHODEEP PRASANTA DAS

นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูล ณ อยุธยา นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญหรือเฮียม้อ นายภูดิท สุจริตกุล นายเทียนประเสริฐ พลอำไพและนายพิเชษฐ์ ผลสุวรรณชัย

14 หัวโจกแก๊งปั่นหุ้น MORE กลายเป็นนักรู้ โดยรู้ชะตากรรมว่า ถ้าเดินทางไปศาล คงไม่ได้กลับบ้าน แต่ต้องนอนคุกแทน จึงหลบหนี แต่จะหนีได้นานเท่าไหร่ เพราะจะต้องถูกตามล่า ออกหมายจับมาติดคุกเช่นเดียวกับผู้ต้องหาอีก 28 คน

คดีอาชญากรรมในตลาดหุ้นเกิดขึ้นมากมาย สร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุนในวงกว้างเป็นเวลา 50 ปี แต่อาชญากรหุ้นมักหลุดรอดลอยนวล ส่วนใหญ่เกิดจากการวิ่งเต้นล้มคดี เพราะเงินยังใช้เป็นใบเบิกทางเพื่อล้มคดีหุ้นได้ตลอดมา

แต่คดีหุ้นMORE เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม และแก๊งปั่นหุ้นกลุ่มนี้ มีพฤติกรรมที่เหิมเกริม จนใจปล้นบริษัทโบรกเกอร์อย่างซึ่งหน้า โดยไม่เกรงกลัวความผิด ทุกหน่วยงานจึงประสานความร่วมมือ เผด็จศึกแก๊งปั่นหุ้น MORE จนอยู่หมัด

และผู้ต้องหากลุ่มหัวโจกที่เหลืออีก 14 คน ถ้าไม่เผ่นหนีออกไปนอกประเทศเสียก่อน สุดท้ายจะต้องชดเชยกรรมในคุก

ความผิดที่สร้างความเสียหายร้ายแรงในตลาดหุ้น ถ้าทุกหน่วยงาน ประสานความร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อกำจัดมิจฉาชีพหรือกลุ่มอาชญากรในตลาดหุ้นให้สิ้นซาก

การลงทุนในตลาดหุ้นไม่มีใครโกง ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีการยักยอกทรัพย์ออกจากบริษัทจดทะเบียน ไม่มีการใช้ข้อมูลภายในเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป และไม่มีการปั่นหุ้น ประชาชนคงมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น

คดีหุ้น MORE เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ สร้างความใสสะอาด กวาดล้างการกระทำความผิด เพื่อปูทางสู่การลงทุนที่เท่าเทียมในตลาดหุ้นเท่านั้น

เพราะกลุ่มมิจฉาชีพ กลุ่มอาชญากรรม ยังแฝงตัวอยู่เต็มไปหมดในตลาดหุ้น ภาพใต้คราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ซึ่งพร้อมก่ออาชญากรรมในทุกรูปแบบได้ตลอดเวลา

MORE จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของการกวาดล้างอาชญากรรมในตลาดหุ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาเท่านั้น








กำลังโหลดความคิดเห็น